Smart Review
รีวิว Xiaomi 13T l 13T Pro กล้องหลังเรือธงระดับโปรจาก Leica พร้อมขุมพลังเร็วแรง MediaTek หน้าจอ CrystalRes AMOLED 144Hz
รีวิว Xiaomi 13T l 13T Pro สมาร์ทโฟนระบบกล้องระดับมืออาชีพออปติคัลเลนส์จาก Leica ถ่ายภาพระดับท็อป แบตเตอรี่พันธ์อึด 5000mAh ชาร์จเร็วสุด 120W HyperCharge ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเรือธงจาก MediaTek Dimensity Series พร้อมหน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED Display ไหลลื่นระดับ 144Hz และเทคโนโลยีอื่นๆ แบบจัดเต็ม
สรุปสเปค Xiaomi 13T
- ขนาดตัวเครื่อง (สี Meadow Green และดำ) : 162.2 × 75.7 × 8.49 มม.
- ขนาดตัวเครื่อง (สี Alpine Blue) : 162.2 × 75.7 × 8.62 มม.
- น้ำหนัก (สี Meadow Green และดำ) : 197 กรัม
- น้ำหนัก (สี Alpine Blue) : 193 กรัม
- หน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K+ (2712 × 1220 พิกเซล), 446PPI รองรับ AdaptiveSync Refresh Rate 144Hz, 480Hz touch sampling rate, Dolby Vision, HDR10+ แสดงผลสี 6.8 หมื่นล้านสี, ความสว่างหน้าจอสูงสุด 2,600 นิต และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 8200-Ultra Octa-core ความเร็ว 2.0GHz
- GPU : Arm Mali-G610
- RAM : 12GB LPDDR5
- ROM : 256GB UFS 3.1
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28” รองรับกันสั่น OIS
- เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging
สรุปสเปค Xiaomi 13T Pro
- ขนาดตัวเครื่อง (สี Meadow Green และดำ) : 162.2 × 75.7 × 8.49 มม.
- ขนาดตัวเครื่อง (สี Alpine Blue) : 162.2 × 75.7 × 8.62 มม.
- น้ำหนัก (สี Meadow Green และดำ) : 206 กรัม
- น้ำหนัก (สี Alpine Blue) : 200 กรัม
- หน้าจอแสดงผล CrystalRes AMOLED Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K+ (2712 × 1220 พิกเซล), 446PPI รองรับ AdaptiveSync Refresh Rate 144Hz, 480Hz touch sampling rate, Dolby Vision, HDR10+ แสดงผลสี 6.8 หมื่นล้านสี, ความสว่างหน้าจอสูงสุด 2,600 นิต และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 9200+ Octa-core ความเร็ว 2.0GHz
- GPU : Arm Mali-G715
- RAM : 12/16GB LPDDR5X
- ROM : 512GB/1TB UFS 4.0
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28” รองรับกันสั่น OIS ถ่ายวิดีโอ 8K @24fps และบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit LOG
- เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว Xiaomi 120W HyperCharge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
แกะกล่อง Xiaomi 13T Series
ตัวกล่องของ Xiaomi 13T Series ทั้ง Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ให้มาเหมือนกัน ตั้งแต่ตัวกล่องอุปกรณ์เสริมแรกสุดทั้งเคสใส คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และเข็มเปิดถาดซิม
อีกชั้นจะเป็นตัวเครื่องที่ติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยแล้ว
และด้านล่างสุดจะเป็นสาย USB Type-C มาให้ครับ ส่วนสิ่งที่หายไปรอบนี้คืออะแดปเตอร์ของทั้ง 2 รุ่นที่น่าเสียดายว่าไม่ได้แถมมาให้เหมือนเดิมแล้ว
ดีไซน์การออกแบบสุดคลาสสิก
Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิก มีความเรียบง่ายในการออกแบบที่ช่วยให้ดูพรีเมียม โดยเฉพาะตัวโมดูลกล้องหลังที่ทำให้ Xiaomi 13T Series ดูโดดเด่นขึ้นมาจากการที่ใช้เลนส์กล้องหลัง 3 เลนส์ที่แบ่งสัดส่วนได้ลงตัว และตัวฐานกล้องก็ไล่ระดับขึ้นมา
Xiaomi 13T Series มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีเหมือนกัน ได้แก่ Alpine Blue ที่ได้ความพิเศษในวัสดุด้านหลังที่จะเป็นแบบหนัง Xiaomi BioComfort vegan ระดับพรีเมียม ให้สัมผัสที่นุ่ม ละเอียดอ่อนและไม่ลื่นมือ ช่วยให้การจับถือเป็นไปได้อย่างสะดวกและมั่งคงมากๆ ครับ
ส่วนอีก 2 สีทั้ง สีเขียว Meadow Green และดำ จะเป็นผิวกระจกมันเงาและไม่ลื่นมือเช่นกัน ได้ความีรู้สึกที่ดูแตกต่างจากสีฟ้า Alpine Blue แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความพรีเมียม โฉบเฉี่ยวครับ
ป้องกันทั้งน้ําและฝุ่นระดับ IP68
Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ทั้ง 2 รุ่นนี้ให้มาตรฐานกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 ที่เป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนเรือธงในยุคนี้ทุกรุ่นครับ และยังเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุเวลาตกน้ำได้ด้วยนะ แต่ก็ไม่ได้แนะนำให้ใช้ใต้น้ำแบบตรงๆ ครับ
หน้าจอ CrystalRes คมชัด 1.5K+ ไหลลื่น 144Hz
สเปคหน้าของ Xiaomi 13T Series ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดหนักมาให้ใช้งานกันเต็มที่ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอที่เรียกว่า CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว คมชัดสูง 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) พร้อมประสบการณ์การรับชมแบบเต็มอิ่มด้วยการแสดงผลสีมากถึง 68 พันล้านสี ครอบคลุม DCI-P3 100% รองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision และ HDR10+ แบบ End-to-End เพิ่มคอนทราสต์ระหว่างส่วนที่มืดและส่วนที่สว่างของภาพ ทำให้วิดีโอแสดงผลได้อย่างสมจริงมากที่สุดครับ
ความพิเศษของหน้าจอ Xiaomi 13T Series ยังรองรับค่า Refresh Rate 144Hz แบบปรับได้ ซึ่งจะปรับค่ารีเฟรชตามเนื้่อหาบนหน้าจอเพื่อให้ประหยัดพลังงานมากชึ้นกว่าเดิม และยังใช้งานแบบชัดเจนในที่แสงกลางแจ้งด้วยความสว่างสูงสุดแบบ HDR ถึง 2,600 นิต
สิ่งที่ Xiaomi 13T Series ให้มาเกี่ยวกับหน้าจอแสดงผลคือในแอพพลิเคชั่นคลังภาพ (Xiaomi Gallery) จะสามารถเปิดใช้งานจอแสดงผล Pro HDR เพื่อแสดงรายละเอียดในส่วนเพิ่มเติมของไฮไลท์ เงา และความสมดุลของแสงได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
พาชมรอบเครื่อง
มาชมสิ่งที่ให้มารอบตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นนี้กันครับ โดยทั้งคู่มีตำแหน่งแต่ละอย่างที่เหมือนกันเป๊ะๆ ตั้งแต่กล้องหน้าที่เป็นแบบ Punch Hole ตรงกลาง และลำโพงตัวที่ 2 ที่ใช้ได้ทั้งการสนทนาปกติและเป็นลำโพงที่รองรับ Dolby Atmos ด้วย
ทางขวาตัวเครื่องให้ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง พร้อมด้วยปุ่ม Power มาให้ทั้งคู่
ส่วนด้านล่างจะมีทั้งช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่องแบบพลิกหน้า-หลัง ตามด้วยไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ฝั่งด้านบนจะให้มาทั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 และเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Blaster) เพื่อให้เราเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ด้วย
ท้ายสุดที่ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องหลังที่ตัวฐานจะไล่จากล่างขึ้นบน ทำให้เวลาใช้งานจะไม่รู้สึกถึงการบาดมือเวลาไปโดนกลังกรอบฐานกล้อง ขณะที่กล้องหลัง
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
Xiaomi 13T Series แกะกล่องมาพร้อกับระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 14 ที่เห็นซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดตัวเต็มของแบรนด์ มีความเสถียรและไหลลื่นของระบบ และสามารถจัดการแอพฯ พื้นหลังได้ดีพอสมควรครับ
ลำโพงสเตอริโอแบบ Dolby Atoms
ด้านความบันเทิงก็ให้มาจัดเต็มเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นด้วยลำโพงสเตอริโอคู่แบบ Dolbt Atmos ได้ความกระหึ่มจัดเต็ม เสียงดังและมีมิติเวลารับชมวิดีโอหรือผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ
รองรับทั้งการสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้าครบ !!
Xiaomi 13T Series รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่ตอบสนองได้เร็วมากๆ และได้ความปลอดภัยขั้นสูง
ส่วนการสแกนหน้าก็ทำได้รวดเร็วสุดๆ เปิดหน้าจอมาก็สแกนทันที ถือว่าได้ทั้งความเสถียรและรวดเร็วเช่นกัน
ใช้งาน Always on Display ได้หลายรูปแบบ
เมื่อใช้หน้าจอแบบ AMOLED ก็ทำให้ใช้งานฟีเจอร์ Always on Display (AOD) ได้ครับ โดยจะเป็นการแสดงผลแบบเปิดตลอดที่สามารถเลือกเปิดได้ตลอดเวลา (แต่กินแบตเตอรี่มากๆ) หรือจะเลือกเป็นแบบแตะ 1 ครั้งเพื่อแสดงผล 10 วินาทีก็ได้
โดยรูปแบบของ AOD มีให้เลือกหลายแบบทั้งลายเซ็นต์, อะนาล็อก, ภาพลานตา, ดิจิทัล หรือใช้เป็นพื้นหลังที่เลือกเองได้เช่นกัน
วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้เหมือนกันนะ
ฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้งานทั้ง 2 รุ่น โดยจะอยู่ในการส่วนการตั้งค่าเพิ่มเติม โดยการวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อติดตามการไหลเวียนของเลือดวิเคราะห์รูปแบบและแปลงเป็นค่าอัตราการเต้นของหัวใจครับ ซึ่งการทำงานก็ให้ใช้นิ้วโป้งแตะเซ็นเซอร์ค้างไว้ประมาณ 15 วินาทีก็จะแสดงผลได้เลยครับ
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ชิปเซ็ตเรือธงจาก MediaTek Dimension 8000 และ 9000 Series
ความแตกต่างของ Xiaomi 13T Series ทั้ง 2 รุ่นคือเรื่องของชิปเซ็ตที่ใช้ขับเคลื่อนครับ มาดูที่รุ่นพี่ Xiaomi 13T Pro กันก่อนที่ใช้ขุมพลัง MediaTek Dimensity 9200+ ที่เป็นตัวชิปเซ็ตที่แรงที่สุดของ MediaTek ในตอนนี้ ความเร็ว Clock อยู่ที่ 3.35GHz ควบคู่กับ GPU ARM Immortalis-G715 ที่แม้ว่าจะใช้กราฟิกระดับสูงแต่ระบบระบายความร้อนก็ยังทำได้ดี (เกิดความร้อนตอนเล่นเกมแต่ระบายได้เร็ว)
นอกจากตัว CPU และ GPU ที่ช่วยทำได้ดีในเรื่องความร้อนแล้ว แต่ภายในก็ยังมีแผ่นแช่ (Soaking Plate) Vapor Chamber ขนาด 5,000 ตารางมิลลิเมตรที่ถูกออกแบบมาด้วยเหล็กสแตนเลสช่วยถ่ายเทความร้อนจากชิปเซ็ตไปยังแผ่น VC และระบายออกที่ด้านหลังเครื่อง
ขณะที่ Xiaomi 13T ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek 8200-Ultra ที่ก็เป็นตัวรองๆ ท็อปของ MediaTek มีประสิทธิภาพสูงพร้อมการใช้พลังงานที่ประหยัดมากขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิตขนาดเล็ก 4nm จาก TSMC
ส่วนขยาย RAM เพิ่มขึ้นได้มากสูงสุดถึง 8GB
RAM ของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ให้มาที่ 12GB เท่ากัน พร้อมกับฟีเจอร์ขยาย RAM ขึ้นไปอีกได้สูงสุด 8GB รวมเป็น 20GB (12GB+8GB) ทำให้การเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น สลับแอพฯ ได้เร็วกว่าเดิม รวมถึงการทำงานพื้นหลังของแอพฯ ก็ไม่ต้องคอยมารีเฟรชตลอดด้วยครับ
ผลการทดสอบบน AnTuTu และ Geekbench 6
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.0.10-OB10 ของ Xiaomi 13T Pro ได้มาที่ 1,464,815 คะแนน
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.0.4-OB4 ของ Xiaomi 13T ได้มาที่ 860,084 คะแนน
ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ของ Xiaomi 13T Pro ทำ Single-Core ไปที่ 1,274 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,506 คะแนน
ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ของ Xiaomi 13T ทำ Single-Core ไปที่ 678 คะแนน และ Multi-Core ที่ 2,764 คะแนน
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
การตั้งค่กราฟิกของ ROV สามารถเปิดได้สูงสุดทั้งหมด และก็เล่นได้สบายๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องเฟรมเรทเลยเพราะนิ่งมากๆ ที่ 60-61fps ตลอดหรือความร้อนก็แทบไม่มีผลอะไรเลย
Genshin Impact
ต่อมาเป็น Genshin Impact นับเป็นเกมบนสมาร์ทโฟนที่กินสเปคมากเกมหนึ่ง แต่จากที่ทดสอบบน Xiaomi 13T Pro ก็เปิดภาพสูงสุดได้ และก็เล่นได้ไหลลื่น เฟรมเรทไม่เหวี่ยงหรือเบลอครับ
PUBG Mobile
และท้ายสุดเป็น PUBG Mobile ที่สามารถเปิดได้สูงสุดถึงระดับ Ultra HDR และเฟรมเรท Ultra การตอบสนองบนปุ่มยิงหรือระหว่างการเคลื่อนไหวทำได้ดีมาก เรียลไทม์ และได้ประโยชน์จากลำโพงสเตอริโอคู่ Dolby Atmos เต็มๆ เพราะบอกทิศทางศัตรูได้ชัดเจน
แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมชาร์จเร็วสูงสุด 120W HyperCharge
Xiaomi 13T Series ทั้ง 2 รุ่นให้แบตเตอรี่ 5000mAh มาให้เหมือนกัน โดย Xiaomi 13T Pro จะใช้งานด้านแบตเตอรี่ได้นานสุด 17 ชั่วโมง ส่วน Xiaomi 13T จะอยู่ได้นานสุดที่ 16 ชั่วโมง (การใช้งานต่างกันเพราะชิปเซ็ตที่ใช้ครับ)
ขณะที่เทคโนโลยีการชาร์จ Xiaomi 13T Pro จะได้มาที่ Xiaomi 120W HyperCharge สามารถชาร์จเต็ม 100% ในเวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น หรือหากใครรีบๆ ก็ชาร์จเพียง 5 นาที ได้มากถึง 36% ครับ และเรื่องความร้อนในการชาร์จก็ไม่ต้องห่วงว่าจะอันตรายครับ เพราะ Xiaomi 13T Pro มาพร้อมชิปเซ็ต Xiaomi Surge G1 ที่ถูกพัฒนาด้วย ISP (Internal Shortage Precaution), SOA (Safety Operating Area), DTPT (Dynamic Turbo Power Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เรามั่นใจได้ถึงการใช้แบตเตอรี่ได้อย่างปลอดภัยครับ
สำหรับ Xiaomi 13T รองรับชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging ให้ชาร์จได้ถึง 21% ในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นครับ
กล้องหลังร่วมพัฒนากับ Leica เสริมความโปรเป็นครั้งแรกใน Xiaomi T Series
รอบนี้ใน Xiaomi 13T Series เป็นสมาร์ทโฟนในระดับ Global ของ Xiaomi T Series ที่ให้เลนส์ที่ร่วมการพัฒนาจาก Leica มีความโดดเด่นด้วยสไตล์ภาพถ่าย Leica โดดเด่นด้วย 2 สไตล์แบบ Leica Authentic Look (เป็นธรรมชาติและสมจริง หรือเป็นการปรับภาพตามสภาพแสงอัตโนมัติ) และ Leica Vibrant Look (สดชื่นแจ่มใส ที่เป็นการถ่ายภาพในสิ่งแวดล้อมต่างๆ) ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของ Leica
Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro รอบนี้จัดกล้องหลังมา 3 เลนส์ พร้อมสเปคที่เหมือนกันแบบ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28” รองรับกันสั่น OIS
- เลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
โดยสเปคกล้องหลังจะถ่ายภาพนิ่งได้เหมือนกันทุกฟังก์ชันครับ แต่เรื่องการถ่ายวิดีโอจะมีความต่างกันเล็กน้อย เดี๋ยวเราจะบอกกันในช่วงท้ายครับ
เทียบภาพถ่ายระหว่าง Xiaomi 13T (ซ้าย) และ Xiaomi 13T Pro (ขวา)
เลนส์ Wide ระดับท็อป ระยะ 24 มม. แบบ Aspherical 7P
กล้องหลักๆ ของ Xiaomi 13T Series ขอเน้นไปที่ Xiaomi 13T Pro แล้วกันครับด้วยการที่ให้สเปคมาเหมือนกันในรอบนี้ และจะเป็นการถ่ายแบบ Leica Authentic Look ที่เน้นสีสันแบบสมจริงเป็นธรรมชาติตามสไตล์ Leica ซึ่งในโหมดรูปถ่ายจะได้ความฉลาดของ AI และ Auto HDR เข้ามาช่วยให้ Xiaomi 13T Series ถ่ายรูปได้เก่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยระยะของเลนส์จะมีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. ควบคู่กับเลนส์โค้งแบนด้านเดียว Aspherical แบบ 7 ชิ้นเลนส์ (7P) เพื่อจับแสงได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยตัวเลนส์ยังใช้การเคลือบ ALD หลายชั้นซึ่งเพิ่มอัตราการส่งผ่านแสงและลดการสะท้อนของแสงอย่างมาก ทั้งหมดนี้ช่วยให้กล้องของ Xiaomi 13T Series มีความคมชัดและสมจริงมากขึ้นเมื่อถ่ายในที่ย้อนแสงหรือแสงที่เข้ามาในเลนส์โดยตรงครับ
ฟิลเตอร์ Leica แบบใหม่ล่าสุด
ใน Xiaomi 13T Series จะมาพร้อมกับฟิลเตอร์ที่เสมือนให้เราถ่ายภาพจากกล้องของ Leica จริงๆ แต่มาอยู่ในสมาร์ทโฟนครับ ในรอบนี้ Leica มีการเพิ่มฟิลเตอร์ Leica Sepia และ Leica Blue แบบใหม่ล่าสุดที่มีต้นกําเนิดมาจากโหมดฟิล์ม LeicaM-Typ240 และในตอนนี้ทําให้ Xiaomi 13T Series มีฟิลเตอร์ Leica ทั้งหมด 6 แบบ ดังนี้
- Leica VIV (Vivid)
- Leica NAT (Natural)
- Leica BW NAT (Black & White Natural)
- Leica BW HC (Black & White High Contrast)
- Leica Sepia
- Leica Blue
จัดเลนส์ Telephoto 2x คมชัดสูง 50MP ระยะ 50mm
Xiaomi 13T Series ให้เราได้ถ่ายภาพด้วยเลนส์ Tele ที่รองรับให้มา 2x ในระยะภาพ 50 มม. ครับ ที่แม้ว่าจะเป็นเลนส์ระยะ 2x แต่ก็ให้ได้ภาพในมุมมองที่แตกต่างได้ครับ ส่วนเรื่องสไตล์ของภาพก็ยังคงได้แบบ Leica เหมือนกัน
ถ่าย Portrait ได้เยี่ยมพร้อมฟิลเตอร์จาก Leica แบบพิเศษ
การถ่าย Portrait ของ Xiaomi 13T Series ถ่ายออกได้อย่างธรรมชาติ สวยงาม สามารถปรับโหมดบิวตี้ได้ถึง 100 ระดับ
ความพิเศษยังมีตรงกล้องหลายระยะที่ร่วมมือพัฒนากับ Leica ให้เราได้ลองเล่นกันถึง 4 แบบ ได้แก่ ค่าเริ่มต้น (50 มม. / 24 มม. เลือกปรับได้ในโหมดเต็มตัว), สารคดี (35 มม.), โบเก้หมุนวน (50 มม.) และซอฟต์โฟกัส (90 มม.)
Ultra-Wide ถ่ายสวย เก็บได้ครบ
เลนส์มุมกว้างของ Xiaomi 13T Series มาในระยะที่ 15 มม. ซึ่งเป็นมุมมองที่ทำให้เราเก็บรายละเอียดขององค์ประกอบได้ครบถ้วน รองรับการใช้งาน Auto HDR ถ่ายย้อนแสงได้สบายๆ และสีสันก็ยังคงสวยสด เก็บ Contrast ได้ค่อนข้างดี และเห็นรายละเอียดของถาพได้คมชัดอยู่ครับ
Night Mode จัดเต็มใช้ได้ครบทุกเลนส์ !
ความเก่งของ Xiaomi 13T Series คือความสามารถในการถ่ายโหมดกลางคืนได้ครบทุกเลนส์ทั้ง Wide, Ultra-Wide และ Telephoto เลย ใครชอบระยะไหลก็ถ่ายได้เต็มที่ ซึ่งภาพที่ได้คือว่าคมชัด Noise น้อยมากๆ สีสันหรืออุหภูมิสีของวัตถุยังชัดเจนเห็นรายละเอียดครบ และพื้นหลังก็ยังคงสว่างชัดเจน ถือว่าเบอร์ต้นๆ ในกล้องรุ่นเรือธงเลยครับ
โหมด Pro พร้อมฟังก์ชันระดับพรีเมียม
ในโหมด Pro ของรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันสไตล์การถ่ายภาพแบบกําหนดเอ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นระดับพรีเมี่ยมที่เราเคยได้เห็นครั้งแรกมาแล้วบน Xiaomi 13 Ultra ครับ ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนโทนสี (Tone), การไล่สี (Tonality) และพื้นผิว(Texture) ได้แบบเรียลไทม์เลย
เซลฟี่ได้สวย ปรับบิวตี้ได้เพียบ !
กล้องหน้า 20MP ของ Xiaomi 13T Series รอบนี้ถ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ Portrait ได้ค่อนข้างมีมิติ ปรับบิวตี้ได้สูงสุด 100 ระดับ และการละลายฉากหลังก็ทำได้ยอดเยี่ยม ตรงไรผมหรือช่องเล็กๆ รอบตัวบุคคลก็เบลอให้ทั้งหมดไม่มีหลุด
วิดีโอจัดเต็ม ถ่ายคมชัดสูงสุด 8K
ใน Xiaomi 13T Series ทั้ง 2 รุ่นให้เราได้ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดเหมือนกันได้ที่ 4K@60fps ครับ แต่ความพิเศษใน Xiaomi 13T Pro จะรองรับการบันทึกวิดีโอที่ 10-bits LOG 4:2:0 H.265 ด้วย Rec.709 LUT ที่เป็นฟังก์ชันหลักที่อยู่ในกล้องระดับโปรเท่านั้นครับ และยังรองรับการถ่ายวิดีโอได้สูลสุดที่ 8K@24fps ซึ่งเป็นความคมชัดระดับ Ultra-High อีกด้วย
สรุปการใช้งาน Xiaomi 13T l Xiaomi 13T Pro
Xiaomi 13T Series เป็น 2 รุ่นเรือธงที่ใช้งานได้อย่างสนุกมากๆ ทั้งเรื่องความบันเทิงที่จัดเต็มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลที่สวยสดแบบ CrystalRes AMOLED ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว รองรับ Adaptive Refresh Rate สูงสุด 144Hz ถูกใจทั้งสายชอบดูวิดีโอและเล่นเกมทั้งหมด รวมไปถึงดีไซน์ที่ได้ความพรีเมียมและสวยงามสไตล์เรือธง
ส่วนกล้องหลังที่ร่วมการพัฒนากับ Leica ยังทำได้ยอดเยี่ยม ถ่ายสวย จบหลังกล้องได้เลยแบบไม่ต้องมานั่งปรับอะไรให้เสียเวลาแล้วครับ และที่ชอบอีกอย่างมากๆ คือ แม้ว่าเครื่องจะถ่ายกลางแดดร้อนจัด ทำให้เครื่องก็อุณหภูมิสูงมากก็ไม่ได้ทำให้ระบบปิดกล้องเอง หรี่ความสว่างหน้าจอลงหรือกล้องรวนเลย ยังถ่ายได้ต่อเนื่องและเช็ครูปได้แบบเต็มที่
และท้ายสุดจุดสังเกตอย่างเดียวใน Xiaomi 13T Series คือการไม่แถมอะแดปเตอร์มาให้แล้ว
ราคาและวันวางจำหน่าย
Xiaomi 13T วางจำหน่ายในความจุเดียว คือ 12+256GB ที่ราคา 15,990 บาท
Xiaomi 13T Pro จะมี 2 ความจุ ดังนี้
- 12GB + 512GB : 19,990 บาท
- 16GB + 1TB : 23,990 บาท
ผู้ที่พรีออเดอร์ Xiaomi 13T Pro ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม 2566 จะได้รับฟรี ! Xiaomi Watch S1 และอะแดปเตอร์ 120W HyperCharge มูลค่ารวม 8,589 บาท และ Xiaomi 13T จะได้รีบฟรี ! Xiaomi Watch S1 และอะแดปเตอร์ 67W ทั้งยังได้รับประกันตัวเครื่องนาน 2 ปี และประกันหน้าจอแตก เปลี่ยน 1 ครั้งภายใน 6 เดือน