รีวิว Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra “สู่ความเหนือระดับครั้งใหม่” ด้วยสองเรือธงกล้อง LEICA และฟีเจอร์ Xiaomi HyperAI!

โดย Map

รีวิว Xiaomi 15 Series สองเรือธงกล้องเทพรุ่นล่าสุด Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ที่รอบนี้มาพร้อมสโลแกน “Pinnacle Photography” หรือ “เหนือระดับของการถ่ายภาพ” อ๊ะ…สโลแกนก็มาขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่ากล้องของ 2 รุ่นนี้จัดเต็มแน่นอน เพราะยกระดับทั้งฮาร์ดแวร์ชุดใหม่และซอฟต์แวร์ Co-Engineered with Leica เหมือนเดิมด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะยังมีฟีเจอร์ Xiaomi HyperAI ใหม่ ๆ และเทคโนโลยีชั้นนำอีกเพียบทั้ง ชิปเซ็ต, หน้าจอ, แบตเตอรี่และการชาร์จ

เรียกว่าเป็นที่สุดของ Xiaomi ที่จะมอบให้ได้แล้วล่ะ และหลังจากเราได้ลองใช้งานมาสักพัก วันนี้จะขอมารีวิวให้ชมเต็ม ๆ กันเลย พร้อมแล้ว มาติดตาม รีวิว Xiaomi 15 Series ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!

สรุปสเปค Xiaomi 15

  • ขนาดตัวเครื่อง : 152.3 x 71.2 x 8.08 มม. (สีดำ, ขาว, เขียว) | 152.3 x 71.2 x 8.48 มม. (สี Liquid Silver)
  • น้ำหนัก : 191 กรัม (สีดำ, ขาว, เขียว) | 192 กรัม (สี Liquid Silver)
  • หน้าจอ : CrystalRes AMOLED ขนาด 6.36″
  • ความละเอียดหน้าจอ : 2670 x 1200 พิกเซล, ความสว่างสูงสุด 3200nits
  • Refresh rate : 1-120Hz (LTPO), AdaptiveSync Pro
  • ชิปเซ็ต : Snapdragon 8 Elite Octa-Core 4.32GHz (3nm)
  • RAM : 12GB (LPDDR5X)
  • ความจุ : 256GB/512GB (UFS 4.0)
  • แบตเตอรี่ : 5240mAh
  • ระบบชาร์จไว : 90W HyperCharge (แบบสาย) | 50W HyperCharge (ไร้สาย)
  • กล้องหน้า : 32MP f/2.0
  • กล้องหลัง : 3 ตัว LEICA VARIO-SUMMILUX
  • 50MP กล้องหลัก (Light Fusion 900) f/1.62, OIS
  • 50MP กล้อง Ultra Wide (ISOCELL JN1) f/2.2
  • 50MP กล้อง Tele 2.6x (ISOCELL JN5) f/2.0, OIS 
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 (HyperOS 2)
  • สีสัน : ขาว, ดำ, เขียว, เงิน Liquid Silver

สรุปสเปค Xiaomi 15 Ultra

  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.3 x 75.3 x 9.35 มม. (สีขาว, ดำ) | 161.3 x 75.3 x 9.48 มม. (สี Silver Chrome) 
  • น้ำหนัก : 226 กรัม (สีขาว, สีดำ) | 229 กรัม (สี Silver Chrome)
  • หน้าจอ : CrystalRes AMOLED ขนาด 6.73″
  • ความละเอียดหน้าจอ : WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 3200nits
  • Refresh rate : 1-120Hz (LTPO), AdaptiveSync Pro
  • ชิปเซ็ต : Snapdragon 8 Elite Octa-Core 4.32GHz (3nm)
  • RAM : 16GB (LPDDR5X)
  • ความจุ : 512GB/1TB (UFS 4.1)
  • แบตเตอรี่ : 5410mAh
  • ระบบชาร์จไว : 90W HyperCharge (แบบสาย) | 80W HyperCharge (ไร้สาย)
  • กล้องหน้า : 32MP (OV32B) f/2.0
  • กล้องหลัง : 4 ตัว LEICA VARIO-SUMMILUX
  • 50MP กล้องหลัก (LYT-900) f/1.63, OIS
  • 50MP กล้อง Ultra Wide (ISOCELL JN5) f/2.2
  • 50MP กล้อง Tele 3x (IMX858) f/1.8, OIS
  • 200MP กล้อง Periscope 4.3x (ISOCELL HP9) f/2.6, OIS
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 (HyperOS 2)
  • สีสัน : ขาว, ดำ, เงิน Silver Chrome

แกะกล่อง Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra

ก่อนจะไปยลโฉมตัวเครื่องแบบเต็ม ๆ เราขอมาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์ในกล่องกันแบบเร็ว ๆ ก่อนหน่อยเนาะ Xiaomi 15 Series ยังแบ่งสีของกล่องไว้ชัดเจนตามรุ่นคือ Xiaomi 15 กล่องสีขาว และ Xiaomi 15 Ultra กล่องสีดำ ที่ด้านหน้ามีชื่อรุ่นพร้อมข้อความ Co-Engineered with LEICA เพื่อเป็นการยืนยันว่ารุ่นนี้พัฒนากล้องร่วมกับ LEICA เหมือนเดิมนะจ๊ะ

*หมายเหตุไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะครับว่ากล่องที่เราได้มานั้นไม่ใช่เครื่องศูนย์ไทย อุปกรณ์อาจแตกต่างกันครับ*

ส่วนอุปกรณ์ในกล่องของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ก็ให้มาทั้งหมด 5 อย่างเท่ากัน ประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra
  2. เคส
  3. สายชาร์จ
  4. เอกสารคู่มือ
  5. เข็มจิ้มถาดซิม

ใช่แล้วครับ อย่างที่บอกไปว่าเครื่องที่เราได้มายังไม่ใช่เครื่องศูนย์ไทยเนาะ ในกล่องของทั้งคู่เลยไม่มีที่ชาร์จแถมมาให้ในกล่องนะครับ แต่เครื่องศูนย์ไทยยืนยันว่ามีแถมมาเหมือนเดิมครับ และที่หน้าจอก็มีฟิล์มติดมาให้จากโรงงานแล้วด้วย

ดีไซน์ที่คงเอกลักษณ์ของรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่

เอาล่ะ…ได้เวลามาชมดีไซน์ของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra แล้วครับ อย่างที่เห็นผ่าน ๆ ว่ารอบนี้ทั้งคู่ยังใช้ดีไซน์ที่แตกต่างกันชัดเจน อย่างรุ่น Xiaomi 15 ที่เล็กกะทัดรัดและพกพาง่าย Xiaomi 15 Ultra เน้นกล้องทรงพลัง ดีไซน์อลังการ เพราะฉะนั้นเราจะทำความรู้จักไปทีละรุ่นดีกว่า เพื่อจะได้ไม่สับสนเนาะ

Xiaomi 15 เล็ก กะทัดรัด เข้ามือ

เริ่มที่ Xiaomi 15 ก่อนเลย รอบนี้ยังคงยึดรูปแบบเรือธงไซซ์กะทัดรัดพกง่ายเหมือนเคย ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอแบบแบนราบขนาด 6.36″ เท่าเดิม ซึ่งเป็นขนาดจอที่พกง่าย เหมาะในการพกติดกระเป๋าเสื้อ ใส่กระเป๋ากางเกงได้แบบไม่เทอะทะจนเกินไป

และพอรอบนี้มีการปรับลดขนาดขอบหน้าจอลงมาอีกเหลือเพียง 1.38 มม. (จาก 1.61 มม.ของ Xiaomi 14) ก็ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมเล็กลงอีกหน่อย ความรู้สึกเวลาหยิบจับก็ยิ่งลงตัว ในขณะที่ขนาดจอยังใหญ่เท่าเดิมด้วย

ด้านการแสดงผล Xiaomi 15 อัปเกรดขึ้นมาด้วยหน้าจอ CrystalRes AMOLED ตัวใหม่ เพิ่มความสว่างสูงสุดให้สูงเป็น 3200nits สู้แสงได้สะใจกว่าเดิม เอามาดูคอนเทนต์แบบ HDR ก็อิ่มขึ้น สว่างโดนใจขึ้นด้วย

กรอบเครื่องของ Xiaomi 15 จะเป็นอลูมิเนียมแข็งแกร่งพิเศษ ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านแล้วด้วย ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมมาก ๆ หยิบถือไม่ติดคราบรอยนิ้วมือแล้ว ความบางของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 8.08 มม.ถือว่าบางและจับได้ถนัดมือทีเดียวครับ

สำหรับที่ด้านหลังรอบนี้จะเห็นว่าใช้ดีไซน์ฝาหลังแบบราบไปเลยแล้ว ให้ความรู้สึกที่เรียบหรูกว่าเดิม ส่วนสีที่เราได้มารีวิวจะเป็นสีเขียว ซึ่งมีความเรียบง่ายและมินิมอลใช้ได้ครับ

ที่มุมซ้ายบนของฝาหลังจะมีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่รวมกล้องหลัง 3 ตัวอยู่ พร้อมเสริมความเก่งของกล้องด้วยการสลักคำว่า LEICA ลงไปด้วย อันนี้ดูก็รู้เลยว่ากล้องเด็ดจัด

ปุ่มกดอยู่ที่ด้านขวาตัวเครื่องทั้งหมดพื้นผิวเป็นแบบเรียบ ๆ แต่ก็กดได้ง่าย ด้วยความที่ตัวเครื่องไม่ใหญ่ วางตำแหน่งได้ดีต่อการกดมือเดียวอยู่นะ พอร์ตจะอยู่ด้านล่างตัวเครื่องเป็น USB-C มีไมโครโฟนกับลำโพงและช่องใส่ซิมอยู่ด้วยครับ

ด้านดีไซน์ของ Xiaomi 15 ก็ยังคงความเรียบหรูและพกพาได้สะดวกสมกับเป็นเรือธงไซซ์กะทัดรัดจริง ๆ ครับ งานประกอบพรีเมี่ยมและสัมผัสที่ดีขึ้นด้วยผิวสัมผัสแบบด้านไปทั้งหมด ขอบหน้าจอที่ชิดเข้ามาอีก ใครที่ชอบมือถือเครื่องไม่ใหญ่มาก ต้องหลงรัก Xiaomi 15 เครื่องนี้แน่นอน!

Xiaomi 15 Ultra พี่ใหญ่สุด ทรงพลังในทุกส่วน

มาต่อกันที่ Xiaomi 15 Ultra ที่ข้ามขั้นเรื่องดีไซน์ จัดมาให้แบบทรงพลังในทุกส่วนจริง ๆ ครับ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดในเรื่องดีไซน์เลยก็คือดีไซน์ด้านหลังเนาะ รอบนี้ใช้ดีไซน์กล้องวงกลมโดดเด่นเหมือนเดิมแหละ แต่มีการปรับองค์ประกอบและเพิ่มลวดลายเข้าไปให้น่าสนใจขึ้นไปอีก

ซึ่งสีสันที่เราได้มาเป็นสีขาวครับ รอบนี้เปลี่ยนวัสดุฝาหลังเป็นกระจกผิวด้านแทนแล้วนะ ไม่ใช่หนังวีแกนแล้ว แต่การที่เปลี่ยนวัสดุก็ไม่ได้เป็นผิวเรียบง่าย ๆ นะ เพราะมีลวดลายฝาหลังคล้ายแปรงที่พาดผ่านไปบนผืนผ้าใยอย่างสวยเลย ยิ่งถ้าสะท้อนกับแสงจนเห็นลวดลายชัด ๆ ก็ให้ความลงตัวเข้าไปใหญ่

ที่โมดูลกล้องรอบนี้วงกลมเด่นเหมือนเดิม มีการวางตำแหน่งใหม่ ไม่สมมาตรเหมือนทุกทีแล้วนะ แบ่งเป็นไฟแฟลชอยู่ขวาสุดของวงกลม กล้อง Periscope และตรา LEICA อยู่เกือบตรงกลาง และกล้องอีก 3 ตัวอยู่มุมซ้าย เท่ากับรุ่นนี้ยังมีกล้องหลัง 4 ตัวเหมือนเดิม เรื่องสเปคเดี๋ยวอธิบายกันอีกทีเนาะ มันสุดจัดเลยแหละ

พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง Xiaomi 15 Ultra ยังคงใช้หน้าจอ CrystalRes AMOLED แบนขนาด 6.73″ มีกระจกโค้ง 4 ด้านมาคลุมเหมือนเดิม ช่วยให้รูปลักษณ์ดูหรูขึ้น แต่การแสดงผลต่าง ๆ ยังได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยนไป

เช่นเดียวกับ Xiaomi 15 รุ่นเล็ก Xiaomi 15 Ultra มีการอัปเกรดในเรื่องการแสดงผลให้สว่างสูงสุดได้ถึง 3200nits ทำให้ใช้งานกลางแจ้งได้ดียิ่งขึ้น พอมาอยู่คู่กับความละเอียดหน้าจอระดับ 2K WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) แล้วก็ยังคมชัด เหมาะกับสายคอนเทนต์เข้าไปใหญ่เลยล่ะ

ด้านการถนอมสายตาก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะมีทั้งมาตรฐาน TUV Rheinland Low Blue Light, TUV Rheinland Flicker Free, TUV Rheinland Circadian Friendly ช่วยให้ใช้งานได้แบบสบายใจ เพราะทั้งสวยแถมยังเป็นมิตรกับสายตาอีกด้วย

กรอบตัวเครื่องจะเป็นอลูมิเนียมผิวด้านที่มีการตัดขอบเหลี่ยมนิด ๆ ทำให้จับได้พอดีและเต็มมือ ตัวปุ่มกดจะอยู่ด้านขวามือทั้งหมด แบ่งเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงปุ่มเรียบยาว ๆ ส่วนปุ่ม Power มีลวดลายเพชรเล็ก ๆ เพิ่มลูกเล่นอีกเหมือนเคยครับ

ด้านล่างจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ลำโพงหลักของตัวเครื่องและช่องใส่ซิมการ์ด ส่วนด้านบนรอบนี้จะเรียบ ๆ มีเพียงช่องเสาอากาศเท่านั้น เพราะตัวลำโพงย้ายไปรวมกับช่องลำโพงสนทนาแล้วนั่นเองครับ

ขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องรอบนี้ Xiaomi 15 Ultra เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนอีกหน่อย อย่างในสีขาวนี้จะอยู่ที่ 226 กรัม (Xiaomi 14 Ultra หนักประมาณ 219 กรัม) แน่นอนว่าน้ำหนักยังอยู่ที่บริเวณหัวมากกว่าส่วนอื่น เพราะกล้องจัดเต็มมาซะขนาดนั้นนี่เนอะ

สำหรับดีไซน์ของ Xiaomi 15 Ultra ก็ถือว่าจัดเต็มใช้ได้ครับ งานประกอบตัวเครื่องยังแน่นหนาเหมือนเดิม สีขาวที่เราได้มารีวิวก็ดูเรียบหรูแต่แทรกลวดลายเพิ่มความอลังการของงานออกแบบเข้าไปได้ดี ตัวโมดูลกล้องแม้จะออกแบบไม่สมมาตรเท่ากับรุ่นก่อน ๆ แล้ว แต่พอมองว่าออกแบบมาให้เหมือนกล้อง ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรเนาะ ขนาดกับน้ำหนักก็เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยจากตอนรุ่นก่อน ยังคงอลังการเหมือนเดิมเลยเชียว

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

ด้านมาตรฐานความปลอดภัย ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ได้อัปเกรดเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใหม่เป็นแบบ Ultrasonic แล้วนะครับ ทำให้มีความแม่นยำมากขึ้น ใช้งานได้ในหลายสถานการณ์กว่าเดิม และความเร็วก็ทำได้ดีขึ้นสูงสุดถึง 50% เลยด้วย หรือใครที่ถนัดสแกนหน้า ก็มีระบบสแกนใบหน้าก็ใช้งานร่วมกับกล้องหน้าได้อย่างทันทีทันใดเช่นกันครับ

ส่วนมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ยังได้มาตรฐาน IP68 (ลงน้ำลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที) มาเหมือนเดิม อาจจะไม่ได้เขยิบไปถึง IP69 (กันน้ำแรงดันกับอุณหภูมิสูงได้) แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานที่มีไว้แล้วอุ่นใจ เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างต้องลุยฝนหรือเผลอทำตกน้ำได้อยู่เนาะ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ก็ถือเป็นการปรับปรุงในจุดที่ดีอยู่แล้ว ให้ลงตัวขึ้นอีก ทั้งการจับถือที่ถนัดมือยิ่งขึ้น ตัวเครื่องเล็กลง ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านสบายมือ ในรุ่นเล็ก หรือดีไซน์กล้องหลังวงกลมเอกลักษณ์ของรุ่นใหญ่ แต่ขนาดและความรู้สึกในการจับถือไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก เป็นดีไซน์ที่เหนือระดับไปอีกขั้นจริง ๆ แหละนะ

กล้องเหนือระดับที่พัฒนาร่วมกับ LEICA

มาต่อกันที่ไฮไลท์เด่นของ 2 รุ่นนี้เลย กับเรื่อง “กล้อง” ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ยังคงพัฒนากล้องร่วมกับ LEICA เหมือนเดิม แต่มีการอัปเกรดในเรื่องฮาร์ดแวร์กล้องให้เหนือระดับขึ้นไปอีก มีสเปคคร่าว ๆ มีดังนี้เลย

สเปคกล้อง Xiaomi 15

  • 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31″) f/1.62, OIS
  • 50MP กล้อง Ultra Wide (เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1) f/2.2
  • 50MP กล้อง Tele 2.6x (เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5) f/2.0, OIS

สเปคกล้อง Xiaomi 15 Ultra

  • 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ LYT-900 ขนาด 1″) f/1.63, OIS
  • 50MP กล้อง Ultra Wide (เซ็นเซอร์ ISOCELL JN5) f/2.2
  • 50MP กล้อง Tele 3x (เซ็นเซอร์ IMX858) f/1.8, OIS
  • 200MP กล้อง Periscope 4.3x (เซ็นเซอร์ ISOCELL HP9) f/2.6, OIS

อย่างที่เห็นสเปคกล้องของทั้งคู่แตกต่างกันอยู่หลายส่วน แต่ยังได้ปรับจูนร่วมกับ LEICA ได้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมระดับเรือธง แต่เพื่อไม่ให้สับสนในเรื่องคุณภาพกล้อง เราขอเจาะลึกแยกกันไปทีละรุ่นดีกว่าเนาะ

Xiaomi 15 กะทัดรัด แต่ได้กล้องครบช่วง

เริ่มที่รุ่นน้องก่อน Xiaomi 15 ได้กล้องหลังมา 3 ตัวครบระยะครับ ตั้งแต่มุมกว้างสุด 0.6x/1x/2x/2.6x แบบ Optical ซึ่งเราว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว จะถ่ายวิว ถ่ายอาหาร ถ่ายคน ก็เก็บได้ครอบคลุม แถมชุดฮาร์ดแวร์ที่มีความละเอียดเต็ม 50MP ทั้งหมด ก็ช่วยให้ได้คุณภาพที่ยอดเยี่ยม แพ็กรวมอยู่ในขนาดที่กะทัดรัดแบบนี้ได้ก็ไม่ธรรมดาเลย

ด้านซอฟต์แวร์ก็รองรับครบทั้งโหมดการถ่ายภาพทั่วไปที่จะมีโทนของ LEICA ให้เลือกแบบ LEICA Vibrant กับ LEICA Authentic ที่คุ้นเคย สร้างโทนภาพที่แตกต่างกัน เหมาะกับสไตล์และความชอบอะเนอะ หรือจะเป็นโหมด Portrait ก็มี Master Lens System และ Master Portrait กับ LEICA Portrait มาให้เราเลือกใช้ด้วยครับ

ส่วนผลลัพธ์ทั้งหมดที่ได้จากฮาร์ดแวร์คุณภาพเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX ความละเอียด 50MP ทั้ง 3 ตัวกับซอฟต์แวร์ที่ปรับจูนมาอย่างดี ก็ช่วยให้เราได้ภาพที่สวยงามตามสไตล์ LEICA มิติเด่นชัด การเก็บสีที่ยอดเยี่ยม รวมถึงระยะของภาพที่ครอบคลุมจริง ๆ อีกทั้งขนาดตัวเครื่องของ Xiaomi 15 ที่พกได้ง่าย ทำให้ใช้งานได้ทันทีในหลายสถานการณ์ ติดกระเป๋าเสื้อไว้ เจอภาพสวย ๆ ก็ยกขึ้นมา Snap ได้ทันที อันนี้คือลงตัวมาก ๆ ครับ

Xiaomi 15 Ultra ที่สุดของกล้องเรือธงที่ดีที่สุดในปีนี้

มาต่อที่รุ่นพี่ใหญ่ Xiaomi 15 Ultra สปอยก่อนเลยว่านี่คือหนึ่งในมือถือที่ถ่ายรูปได้ดีที่สุดในปีนี้แน่นอน จัดสเปคมาให้แบบดีที่สุดของวงการตอนนี้แล้วก็ว่าได้ แพ็กกล้องเหนือระดับมาถึง 4 ตัว ตั้งแต่กล้องหลักเซ็นเซอร์ 1″ ที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ซึ่งคู่แข่งจากที่เคยใช้กันมาก็เริ่มลดขนาดเซ็นเซอร์ลงในรุ่นใหม่ ๆ ทำให้ Xiaomi 15 Ultra นั้นได้เปรียบในเรื่องขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดอยู่นั่นเอง มีกล้อง Ultra Wide 50MP และกล้อง Tele 3x ที่ยังไว้ใช้ได้ทั้งหมด แต่จุดที่ปรับไปจากรุ่นก่อนก็คือรอบนี้กล้องหลักไม่สามารถปรับรูรับแสงได้เองแล้ว จะ Fixed อยู่ที่ f/1.63 เลย แอบน่าเสียดายนิดหน่อย แต่ตรงนี้ Xiaomi บอกว่ามีการปรับจูนซอฟต์แวร์มาทดแทนในส่วนนี้ไว้แล้วครับ

กล้อง 3 ตัวที่ว่าก็ดีมาก ๆ แล้ว แต่ไฮไลท์หลักในรอบนี้ที่อัปเกรดจริง ๆ คือกล้องตัวที่ 4 ต่างหากครับกับ กล้อง Periscope ใหม่ด้วยเซ็นเซอร์ ISOCELL HP9 ระดับเทพที่ขนาดใหญ่ถึง 1/1.4″ ความละเอียด 200MP มาเติมเต็มในระยะที่ต้องซูมไกลมาก ๆ ทำให้ระยะของตัวกล้องทั้ง 4 ตัวรวมกันต่อเนื่องกว่าเดิมตั้งแต่ระยะ 0.6x/1x/2x/3x/4.3x/8.6x ไปจนซูมสูงสุดถึง 120x ได้เลย

กล้องหลัก 50MP ยังใช้เซ็นเซอร์ 1″ ใหญ่ที่สุดของวงการ

เริ่มอวดตัวอย่างภาพกันที่กล้องหลักก่อนเลย อย่างที่บอกว่าขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ถึง 1″ นั้นใหญ่ที่สุดของวงการสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้ว มิติของภาพที่ได้จะสวยเหมือนกล้องโปรตัวใหญ่ ๆ การประมวลผลภาพในแบบ LEICA จริง ๆ ไม่ว่าจะใช้ LEICA Vibrant หรือ LEICA Authentic ก็อยู่ครบ แถมความใหญ่ของเซ็นเซอร์ก็ยังให้เราซูมแบบ In-Sensor ในระดับ 2x ได้แบบคมชัด จุดที่น่าเสียดายนิดหน่อยก็คือการที่ไม่สามารถปรับรูรับแสงจริง ๆ ได้ เลยไม่มี Blade หน้าเลนส์เพื่อสร้างแสงไฟแฉกเหมือนรุ่นก่อนเลย

Ultra Wide มุมกว้าง 115º เก็บภาพวิวได้ครบ

มาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide 50MP รอบนี้เปลี่ยนเซ็นเซอร์มาใช้เป็น ISOCELL JN5 แทน ปรับระยะเลนส์เหลือ 14 มม. หรือประมาณ 115º แคบกว่ารุ่นก่อนนิดหน่อย แต่ก็ถือว่ายังเก็บภาพได้กว้างและมีมิติที่ดี ภาพไม่เบี้ยวหรือผิดเพี้ยนจนเกินไปครับ การเก็บสีและแสงก็ทำได้ยอดเยี่ยมใกล้เคียงกับกล้องหลัก เลยแถมกล้องตัวนี้ยังมี Autofocus ใช้งานเป็นกล้อง Macro ได้เหมือนเดิมครับ

Tele 3x ซูมระยะใกล้ดีงาม Telemacro คม!

มาต่อที่กล้องซูมตัวแรกก็ปรับระยะ Optical Zoom จาก 75มม.(3.2x) มาเหลือ 70มม. หรือ 3x ด้วย ซึ่งใช้งานได้ง่ายขึ้น เป็นระยะที่เข้าใกล้ระดับกำลังดี ยังคงเป็นกล้องที่เราชอบมาก ๆ เพราะ ขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ ได้ f/1.8 ด้วย เก็บแสงดี ให้มิติของภาพระดับที่น่าพอใจ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะตัวกล้องเองยังเป็นแบบ Floating lens ทำให้สามารถถ่าย Tele Macro ใกล้ ๆ ได้อีกด้วยนะ

ทีเด็ดสุดรอบนี้กล้อง Periscope 200MP!

ไฮไลท์หลักจริง ๆ ของการอัปเกรดกล้อง Xiaomi 15 Ultra ในปีนี้ก็คือกล้อง Periscope 200MP ตัวใหม่นี่แหละครับ แม้ระยะเริ่มต้นจะลดลงจาก 120มม. (5x) มาเหลือ 100มม.หรือ 4.3x แต่ขนาดเซ็นเซอร์และความละเอียดที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่า ทำให้คุณภาพในการซูมไกลดีกว่าเดิมมาก จะซูมระยะ Optical เลยก็คม หรือใช้ In-Sensor เข้าไปที่ 200มม.ก็ยังคมมาก

ซึ่งผลลัพธ์ก็บอกเลยว่าหวังผลได้ทุกครั้งที่เราต้องการซูมไกล ๆ เลย ทั้งคุณภาพของตัวเซ็นเซอร์เองที่ใหญ่ถึง 1/1.4″ แทบจะเป็นกล้องหลักได้แล้ว ระยะที่ไกลออกไปแบบพอดีที่ 4.3x ทำให้ได้มิติการละลายฉากหลังที่ดีด้วย แต่…ที่ว่าดีมาก ๆ ก็มีจุดสังเกตอยู่เหมือนกัน คือกล้องตัวนี้มีระยะโฟกัสที่ไกลพอสมควร หรือไม่สามารถถ่าย Telemacro ได้แบบ 5x ของรุ่นก่อนแล้ว ทำให้รอบนี้ถ้าอยากใช้ Telemacro จะเหลือแค่ตัว 3x ตัวเดียวที่ทำได้ครับ

Master Portrait ถ่ายคนโทนสวยขึ้นเยอะ นี่สิที่ต้องการ!

มาถึงเรื่องการถ่ายคน หลายคนอาจจะติดภาพเรื่องโทนสีของ Xiaomi กับ LEICA ที่ให้โทนคมเข้มไปหน่อย อยากได้ภาพแบบใส หน้าเนียนกำลังดี ปีนี้ Xiaomi เลยอัปเกรด Master Portrait ของตัวเองใหม่หมด ให้ได้ภาพที่สวยเนียนขึ้น เป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งเท่าที่ลอง เราว่านี่คือโทนที่หลายคนรอคอยเลย ในที่สุด Portrait ของ Xiaomi ก็สวยลงตัวสักที และพอรวมกับชุดกล้องใหม่ที่ดีงามขึ้นแล้วก็ยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่!

วิดีโอก็ขั้นสุด

ด้านวิดีโอ Xiaomi 15 Ultra ยังคงรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดระดับ 8K/30fps หรือ 4K/60fps ในทุกกล้อง มอบคุณภาพระดับ Ultra ขั้นสุด หรือถ้าอยากได้คุณภาพแบบเหนือระดับ ก็ยังปรับไปที่ 4K/120fps บนกล้องหลักและกล้อง Periscope 4.3x ได้อีกด้วยนะ

และสำหรับเหล่ามืออาชีพ Xiaomi 15 Ultra รองรับการบันทึกวิดีโอ Log ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/60fps ในทุกช่วงกล้องเช่นกันนำเสนอประสบการณ์สีที่เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น แถมยัง Xiaomi 15 Ultra ยังเป็นสมาร์ทโฟน Android เครื่องแรกที่เป็น ACES Product Partner หรือกล้องมือถือที่ถ่ายวิดีโอได้ระดับสตูดิโอเลยด้วยครับ

เซลฟี่สวยด้วยกล้องหน้า 32MP

มาปิดท้ายเรื่องกล้องกันที่กล้องหน้าเซลฟี่ Xiaomi 15 Ultra ให้ความละเอียดกล้องหน้ามาที่ 32MP เลย สวยคมชัดแน่นอน มีฟีเจอร์ Beautify ให้เลือกปรับความฟรุ้งฟริ้งของใบหน้าเพิ่มเติมได้ด้วย ส่วนโหมดการใช้งาน Portrait ก็มีมาให้เลือกละลายหลังและวิดีโอกล้องหน้าก็สูงสุด 4K/60fps อย่างที่บอกไปครับ

โดยรวมในเรื่องกล้องของทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ก็มอบประสบการณ์ “เหนือระดับของการถ่ายภาพ” ตามสโลแกนได้จริง ๆ ครับ ทั้ง ชุดกล้องที่อัปเกรดมาใหม่หมดความละเอียดสูงและใช้เซ็นเซอร์ระดับแนวหน้า ซอฟต์แวร์ Xiaomi AISP 2.0 ที่ปรับจูนมาได้ลงตัวขึ้นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ สีสันที่ได้โทน LEICA จริง ๆ Portrait ที่เก่งและสวยเนียนกว่าที่เคย ยังคงยืนยันว่านี่คือหนึ่งในมือถือที่มีกล้องดีงามสุด ๆ ในปีนี้เลย ใครที่ชอบถ่ายภาพรับรองว่าจะต้องหลงรักทันทีที่ได้กดชัตเตอร์เลยล่ะครับ!

ระบบปฏิบัติการล่าสุด Xiaomi HyperOS 2 พร้อม Hyper AI

เรื่องประสบการณ์การใช้งานกับซอฟต์แวร์ของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ทั้งคู่ใช้ Xiaomi Hyper OS 2 บนพื้นฐาน Android 15 ครับ ปรับปรุงในเรื่องความเสถียรและความลื่นไหลขึ้นมาจากรุ่นก่อนอีก

ทั้งการปรับแต่งหน้าจอหลัก หน้าจอล็อกก็ทำได้หลากหลาย มีรูปแบบสวย ๆ ให้เลือกใช้อีกเพียบ รวมถึงพวก Widget ใหม่ ๆ ที่ให้เราได้เข้าถึงการใช้งานได้แบบทันทีบนหน้าจอหลักด้วย

แต่ที่ขาดไม่ได้เลยในยุคนี้ก็คงหนีไม่พ้นฟีเจอร​์ AI ที่ Xiaomi ตั้งชื่อใหม่ให้เลยว่า Xiaomi HyperAI มีการร่วมมือกับทาง Google ให้ฟีเจอร์ผู้ช่วย Gemini เมื่อกดปุ่ม Power ค้างเพื่อพูดคุย สอบถามข้อมูลผ่านเสียง หรือพิมพ์ รวมถึงฟีเจอร์ วงเพื่อค้นหา Circle to Search ก็มีติดมาให้เลยด้วย

แต่นอกจากของGoogle เองแล้ว Xiaomi HyperAI ยังมีฟีเจอร์ AI อีกเพียบติดมาในเครื่อง ทั้ง

  • AI Writing : ช่วยเขียนเนื้อหา การระดมสมอง สรุปบทความ การจัดระเบียบบันทึกย่อ หรือการตรวจการสะกดคำในอีเมล
  • AI Speech Recognition : ถอดความจากเสียงพูดเป็นตัวอักษรได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการจดจำผู้พูด การสร้างข้อมูลสรุป และการแปลภาษา
  • AI Interpreter : ผู้ช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ที่ช่วยให้การสนทนาแบบพบหน้า การโทร หรือการประชุมออนไลน์เป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าที่เคย
  • AI Creativity Assistant : ผู้ช่วยในการตกแต่งภาพด้วย AI ทั้งขยายภาพ, ปรับความชัดของภาพ, ลบวัตถุ หรือ AI Film สร้างคลิปสั้นให้ เป็นต้น
  • ค้นหาด้วย AI : ช่วยค้นหาข้อมูลในเครื่องได้จากคำค้นที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

ประสิทธิภาพเหนือระดับด้วยชิป Snapdragon 8 Elite

มาต่อกันในเรื่องประสิทธิภาพทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ใช้ชิปเซ็ตตัวล่าสุด Snapdragon 8 Elite เหมือนกัน อย่างที่ทราบว่าชิปเรือธงรอบนี้ขึ้นชื่อทั้งความแรงที่เพิ่มขึ้น และการจัดการพลังงานที่ดีกว่าเดิม ซึ่ง Xiaomi เคลมว่า ประสิทธิภาพ CPU ดีขึ้น 45% และประสิทธิภาพ GPU แรงขึ้น 44% ส่วน AI นี่ดีขึ้นถึง 105% เลย ในขณะที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิมสูงสุด 52% เลยนะ

ด้านความจุปีนี้ทั้งคู่มีตัวเลือกให้ 2 ความจุคือ Xiaomi 15 มี 12GB+256GB กับ 12GB+512GB ในขณะที่รุ่น 15 Ultra จะมีให้เลือก 16GB+512GB กับ 16GB+1TB ครับ สายถ่ายรูปหรือวิดีโอก็เก็บกันจุใจมากขึ้นเลย เพื่อให้เห็นภาพความแรงของชิปเซ็ตใหม่และหน่วยความจำระดับสูง เราเลยลองทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark v.10 ให้เห็นภาพคร่าว ๆ กันหน่อย โดย AnTuTu Benchmark จะออกมาดังนี้ครับ

  • Xiaomi 15 = 2324241 คะแนน
  • Xiaomi 15 Ultra = 2350465 คะแนน

ส่วน GeekBench 6 ทั้ง 2 รุ่นก็ทำคะแนนได้สูงมาก ๆ ในกลุ่ม Android ด้วยกัน ผลออกมาดังนี้ครับ

  • Xiaomi 15 = Single-Core 2999 คะแนน, Multi-Core 8888 คะแนน
  • Xiaomi 15 Ultra = Single-Core 2837 คะแนน, Multi-Core 8654 คะแนน

เล่นเกมไม่ต้องห่วง เหลือ ๆ สเปคนี้

เห็นคะแนนอันดับต้น ๆ ของตารางไปแบบนี้แล้ว ด้านการเล่นเกมก็ไม่ต้ห่วงอยู่แล้วครับ เราลองทดสอบกับทั้ง Asphalt 9, Call of Duty และ Genshin Impact ทั้ง 3 เกมเปิดกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดทั้งหมด และลื่นไหลมากด้วย ไม่เจอปัญหาในการเล่นเกมเลย ก็อย่างว่าชิป Snapdragon 8 Elite ซะอย่างนี่เนอะ

เรื่องการจัดการความร้อนก็ดีด้วย Xiaomi 15 Ultra มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ที่มีพื้นที่ LHP รวมสูงถึง 5100 ตร.มม.สามารถส่งมอบประสิทธิภาพที่วางใจได้ตั้งแต่การทำงานประจำวันทั่วไปจนถึงงานหนัก ๆ เลยล่ะ

แบตเตอรี่อัปเกรดขึ้นอีก

Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนแบ่งเป็น 5240mAh และ 5410mAh ตามลำดับ ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานมาก็ถือว่าใช้งานได้ดีครับ ในการทำงานทั่วไป เล่นโซเชียล ดูคอนเทนต์ เล่นเกมก็เอาอยู่ เพราะได้ระบบจัดการแบตเตอรี่ไฟกระชาก (Xiaomi Surge Battery Management System) และยังมีชิปเซ็ตการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge G2 มอบการป้องกันที่ครอบคลุมแบบเรียลไทม์และการซ่อมแซมเซลล์แบตเตอรี่อย่างชาญฉลาดจึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้นนั่นเอง

ชาร์จไว 90W เลยนะ

ส่วนระบบชาร์จทั้งคู่ได้มาเท่ากันเลยคือ 90W HyperCharge ซึ่งจะมีชิปเซ็ตการชาร์จ Surge P3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จและลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ชาร์จได้เร็วและเสถียรมากยิ่งขึ้น แต่…เราไม่ได้ที่ชาร์จมาในอย่างที่บอกไป เลยไม่ได้ลองความเร็วระดับนั้นจริง แต่โชคดีที่ทั้งคู่ยังรองรับระบบชาร์จมาตรฐาน PD หรือมาตรฐานการชาร์จเดิมของ Mi Turbo Charge ด้วย ทำให้สามารถชาร์จแบบสายได้เร็วสูงสุด 65W เพียงพอต่อการใช้งานเหมือนกันครับ หากมีที่ชาร์จแนวนี้อยู่แล้วก็ไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้

ราคาและโปรโมชั่น

Xiaomi 15 Series เปิดราคาไทยเรียบร้อย มีให้เลือกรุ่นละ 2 ความจุแตกต่างกันดังนี้เลย

Xiaomi 15 Ultra

  • รุ่น 16GB+512GB ราคา 42,990 บาท
  • รุ่น 16GB+1TB ราคา 46,990 บาท

รับของแถมเป็น Photography Kit, ประกันตัวเครื่องนาน 2 ปี, ประกันหน้าจอแตก และสิทธิ์เข้าใช้ Dragonpass airport VIP Exclusive Lounge 1 ครั้ง มูลค่ารวม 32,824 บาท

Xiaomi 15

  • รุ่น 12GB+256GB ราคา 26,990 บาท
  • รุ่น 12GB+512GB ราคา 29,990 บาท

รับของแถม Xiaomi Watch S3 และประกันตัวเครื่อง นาน 2 ปี, ประกันหน้าจอแตก และสิทธิ์เข้าใช้ Dragonpass airport VIP Exclusive Lounge 1 ครั้ง มูลค่ารวม 20,804

สรุปแล้ว “นี่คือสองเรือธงที่มีกล้องเหนือระดับของการถ่ายภาพอย่างแท้จริง”

สรุปแล้ว Xiaomi 15 Series ก็คือสองสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีกล้องเหนือระดับของการถ่ายภาพอย่างแท้จริง! เพราะทั้งฮาร์ดแวร์ชุดใหม่ที่ลงตัวในทุกการใช้งานกว่าที่เคย การปรับจูนโทนจาก LEICA ที่ยังถูกใจเราทุกครั้งที่ได้ลั่นชัตเตอร์ โดยเฉพาะรุ่นพี่ใหญ่ Xiaomi 15 Ultra ที่รอบนี้ยกเครื่องกล้องใหม่ซูมดีกว่าเดิม ถ่ายคนลงตัว และยังคงให้กล้องหลักเซ็นเซอร์ 1″ ใหญ่ที่สุดในวงการมาเมื่อเดิมด้วย ส่วนรุ่นน้องก็ยังคงขนาดที่กะทัดรัดและมอบประสบการณ์เรือธงไซซ์กะทัดรัดได้อย่างครบถ้วน เรียกว่านาทีนี้ ใครที่กำลังมองหาเรือธงครบ ๆ ที่มีกล้อง LEICA กับ 2 ขนาดที่ชวนหลงใหล 2 รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าได้ลองหยิบขึ้นมาใช้งาน ลองถ่ายรูปสักหน่อย รับรองติดใจไม่อยากวางแน่ ๆ ครับ!

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More