มีอุปกรณ์ AIoT ใหม่ของ Xiaomi มารีวิวให้ชมกันอีกแล้วครับ รอบนี้เป็นหูฟังรุ่นท็อปใหม่ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi และ Xiaomi Watch S4 สมาร์ทวอทช์ ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Xiaomi 15 Series เลย เป็น 2 รุ่นที่เราคิดว่าเข้ามาเติมเต็มการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี และยังเสริมความเป็น Xiaomi Ecosystem อีกด้วย น่าใช้แค่ไหน ราคาโดนใจไหม ติดตามได้จากรีวิวนี้เลยครับ!

แน่นอนว่าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้เป็นคนละประเภทเลยเนอะ งั้นเราขอรีวิวแยกเป็นทีละรุ่นดีกว่า เริ่มกันที่ รีวิว Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi ก่อน แล้วตามด้วย รีวิว Xiaomi Watch S4 ละกันเนอะ เริ่มได้!

สรุปสเปค Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi
- ขนาดเคสชาร์จ : 60.5 x 48.45 x 26.79 มม.
- น้ำหนักเคสชาร์จ : 41.8 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง(ต่อข้าง) : 5.6 กรัม
- ลำโพง : ไดร์เวอร์โคแอกเซียลคู่สามตัว 11 มม.(Dual-amplifier coaxial triple drivers)
- เทคโนโลยีเสียง : Snapdragon Sound พร้อม Qualcomm XPAN 96KHz/24bit 4.2Mbps ผ่าน Wi-Fi, Harman AudioEFX, Hi-Res Audio Wireless
- ระบบตัดเสียงรบกวน : ANC สูงสุด 55dB
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.4, พอร์ต USB-C
- แบตเตอรี่ : 64 mAh (หูฟัง), 570 mAh (เคสชาร์จ)
- กันน้ำ : IP54
- สีสัน : Translucent Black

แกะกล่อง Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi
ก่อนอื่นเรามาแกะกล่อง Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi เช็กอุปกรณ์กันก่อนดีกว่าเนาะ ตัวกล่องจะใช้เป็นสีขาวเรียบ ๆ พร้อมภาพประกอบตัวหูฟังในสี Translucent Black และมีชื่อรุ่นกับโลโก้ Xiaomi และ Hi-Res Audeio Wireless อยู่ครบ

อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีด้วยกัน 4 อย่างประกอบด้วย
- เคสชาร์จและหูฟัง Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi
- สายชาร์จ USB-C to A
- เอกสารคู่มือ
- จุก EarTips ในขนาดอื่น ๆ

ดีไซน์ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi
เอาล่ะ! ได้เวลามายลโฉม Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi กันแล้วครับ รุ่นนี้จะมีให้เลือกเพียงสีเดียวเลยคือ Translucent Black ซึ่งที่ตัวเคสจะมีความหรูหรามาก ๆ เพราะฝาเคสจะเป็นแบบโปร่งใสคือเห็นไปถึงตัวหูฟังด้านในเลย พร้อมกับโลโก้ Xiaomi สีทองที่ด้านหน้า และพออยู่ร่วมกับผิวมันวาวของตัวเคสก็ให้ความหรูหรา พรีเมี่ยมมาก ๆ เลยล่ะ

ปิดฝาเคสออกมาเราจะเจอกับตัวหูฟังที่มีก้านเป็นสีทองหรูขึ้นไปอีกครับ และที่หน้าเคสนี้จะมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่ของตัวเคสเมื่อเปิดฝาขึ้นมาด้วย

ตัวหูฟังเองจะมาในทรง In-Ear ตัวหูฟังจะเป็นสีดำด้านทั้งหมด และมีตัวก้านที่เป็นสีทองออกแบบได้ประณีต เพราะไม่ใช่แค่ก้านตรง ๆ ลงมา แต่ยังมีความโค้งว้าว และเพิ่มความลงตัวเข้าไปด้วยโลโก้ของ Xiaomi อีกที

การสวมใส่ถือว่าทำได้ดีเลยครับ แม้จะเป็นหูฟังแบบ In-Ear แต่ตัวจุก EarTips ก็ให้ความนุ่มสบาย และกั้นเสียงภายนอกได้ดี ได้ยินเสียงเต็ม ๆ และการที่มีก้านก็ช่วยให้เราหยิบสวมใส่หรือถอดออกได้ง่าย แถมน้ำหนักยังเบาราว ๆ 5.6 กรัมเท่านั้นครับ

ที่ตัวก้านหูฟังจะมีตัวควบคุมแบบสัมผัสมาให้เราได้บีบเพื่อสั่งงานด้วย จะเลื่อนเพลง, เล่น-หยุด หรือปรับโหมด ANC ก็ทำได้จากตัวหูฟังเลย เผื่อเวลาที่ไม่สะดวกหยิบมือถือขึ้นมาน่ะเนอะ

กลับมาดูที่ตัวเคสอีกนิด ที่ด้านล่างจะมีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C อยู่ตรงกลาง ข้าง ๆ ฝั่งซ้ายจะมีโลโก้ Harman AudioEFX เพื่อให้รู้ว่ารุ่นนี้มีการร่วมมือกันกับแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกด้วย และฝั่งขวาจะมีปุ่มจับคู่มาให้ด้วยครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi นั้นก็ออกแบบมาได้สมกับเป็นหูฟังพรีเมี่ยมรุ่นท็อปสุดของ Xiaomi ดีครับ เอารูปแบบโปร่งใสมาใช้กับตัวเคสได้อย่างลงตัว และเพิ่มความพรีเมี่ยมให้ตัวหูฟังด้วยสีดำ-ทองอีก มองแว้บเดียวก็รู้เลยว่านี่ออกแบบมาอย่างประณีตจริง ๆ

เชื่อมต่อกับ Xiaomi 15 Ultra
มาลองเชื่อมต่อกันเลยดีกว่า Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi นั้นเป็นหนึ่งใน Xiaomi Ecosystem ซึ่งจะรองรับฟีเจอร์ Interconnectivity อยู่แล้ว ถ้านำมาจับคู่กับสมาร์ทโฟน Xiaomi ที่ใช้ HyperOS ก็ง่ายเลย แค่เปิดฝาเคสแล้วนำมาใกล้ ๆ ก็จะมี Pop-Up ให้เชื่อมต่อทันที อย่างในที่นี้เราเชื่อมต่อกับ Xiaomi 15 Ultra ก็ได้อนิเมชั่นการเชื่อมต่อสวย ๆ แบบนี้เลย

ส่วนแอปที่ใช้ปรับตั้งค่าต่าง ๆ Xiaomi Buds 5 Pro จะใช้แอป Xiaomi Earbuds ซึ่งในนี้จะมีสถานะของตัวหูฟัง ทั้งแบตเตอรี่ของตัวหูฟังและเคสชาร์จ รวมถึงการตั้งค่าหูฟังเพิ่มเติม อย่าง การปรับโหมดเสียง, การควบคุมผ่าน Gestures, เอฟเฟกต์เสียง หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์ เป็นต้น

คุณภาพเสียงชั้นยอด สู่ยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi
มาต่อเรื่องคุณภาพเสียงเลยดีกว่า Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi มาพร้อมไดรเวอร์สามตัวแกนร่วมพร้อมแอมป์คู่ รวมถึงไดรเวอร์แม่เหล็กคู่ 11 มม. ทวีตเตอร์เซรามิก และไดรเวอร์แบบแผ่นราบ โดดเด่นในทุกช่วงความถี่ แถมยังมีช่วงความถี่กว้างพิเศษ 15–50kHz ให้ชั้นเสียงที่แตกต่าง สร้างประสบการณ์การได้ยินที่เต็มอิ่ม

แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi รุ่นนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อยุคใหม่ด้วยการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi มอบประสบการณ์ที่ราบรื่นต่อเนื่อง และเมื่อใช่งานร่วมกับ Xiaomi 15 Ultra ยิ่งมอบการส่งสัญญาณเสียงแบบไม่สูญเสียคุณภาพด้วยเทคโนโลยี Qualcomm XPAN รักษารายละเอียดเสียงและช่วงไดนามิกได้ดียิ่งขึ้น พร้อมแบนด์วิดท์กว้างพิเศษแบบ Lossless 96kHz/24bit ด้วยอัตราการส่งข้อมูลที่สูงถึง 4.2Mbps มอบประสบการณ์เพลงความละเอียดสูงที่สดใสและละเอียดอ่อนกว่าที่ผ่านมา

ซึ่งการตั้งค่าเริ่มต้นในการใช้งานรูปแบบสูงสุดของการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ก็ไม่ยุ่งยากครับ ด้วย 2 ขั้นตอนดังนี้
- อัปเดต Bluetooth ในหน้าการตั้งค่า Bluetooth เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
- เข้าไปที่การตั้งค่า Bluetooth ของ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi
- เปิดการเชื่อมต่อ Audio over Wi-Fi ใน Wi-Fi mode

เป็นอันเรียบร้อยครับ เท่านี้เมื่อเราเชื่อมต่อกับ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi ก็จะจับสัญญาณแบบ Wi-Fi มอบคุณภาพเสียง Lossless 4.3Mbps แล้วครับ
*หมายเหตุนิดหน่อย ตอนนี้ฟีเจอร์การเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi เพื่อเสียงสูงสุดนี้ยังจำกัดอยู่แค่บน Xiaomi 15 Ultra เท่านั้นนะครับ

ปรับเสียงผ่าน Harman AudioEFX
Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi การปรับจูนเสียงโดยทีม Harman Golden Ear มอบเสียงเบสที่ลึกกว่าและดนตรีที่ไพเราะยิ่งขึ้น ส่งผลให้ได้เสียงคุณภาพสูงอย่างแท้จริง มั่นใจในคุณภาพเสียงระดับสูงด้วยการตั้งค่า EQ ล่วงหน้า 6 แบบ รวมถึงโปรไฟล์เฉพาะสองแบบ เราสามารถปรับเสียงให้ตรงกับความต้องการ เพื่อประสบการณ์เสียงระดับมืออาชีพที่ปรับแต่งได้เลย

ด้านการตัดเสียงรบกวน Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi จัดมาให้ระดับเรือธง เพราะมีเทคโนโลยีการลดเสียงรบกวนสูงสุด 55dB ลดเสียงรบกวนพื้นหลังอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประสบการณ์การฟังที่เงียบกว่า ด้วยแบนด์วิดท์สูง 5kHz ครอบคลุมสถานการณ์การลดเสียงรบกวนในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพื่อประสบการณ์การฟังที่เงียบกว่าและดื่มด่ำยิ่งขึ้น

ค่าหน่วงต่ำสุดที่ 50ms
ส่วนการซิงค์เสียงก็แม่นยำแถมดีเลย์ต่ำแค่ 50ms เท่านั้น ด้วยการรองรับ LE Audio ค่าหน่วงอาจต่ำถึง 50ms ทำให้สายเกมที่อยากใช้หูฟังตัวนี้เล่นเกมไปด้วย จะได้ประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ เล่นได้แบบเสียงตรงซิงค์ชัดเจน ไม่ดีเลย์อีกต่อไป!

แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้สูงสุด 40 ชม.
สำหรับแบตเตอรี่ของ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi เคลมว่าใช้งานได้นานสูงสุด 40 ชม.เมื่อรวมกับเคสชาร์จครับ ซึ่งถือว่าเพียงพอมาก ๆ แล้วกับหูฟังระดับพรีเมี่ยมที่มีเสียงคุณภาพระดับนี้ แถมยังมีชาร์จไวที่ชาร์จเพียง 10 นาทีก็ใช้ฟังต่อเนื่องได้อีก 4 ชม.ด้วย หากต้องใช้แบบต่อเนื่องได้ชาร์จไวแบบนี้ก็หายห่วงแล้ว ว่าไหมล่ะครับ

ราคาและโปรโมชั่น Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi
Xiaomi Buds 5 Pro เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ Buds 5 Pro กับ Buds 5 Pro Wi-Fi (รุ่นที่รีวิว) มีให้เลือกสีสันกับราคาต่างกันดังนี้ครับ
- Xiaomi Buds 5 Pro WiFi มีให้เลือกสี Translucent Black ราคาพิเศษ 6,490 บาท (ปกติ 7,490.-)
- Xiaomi Buds 5 Pro มีให้เลือก 2 สี Titan Grey และ Ceramic White ราคาพิเศษ 5,990 บาท (ปกติ 6,990.-)
โดยราคาพิเศษนี้จะต้องสั่งซื้อภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 เท่านั้นครับ

สรุปสเปค Xiaomi Watch S4
- ขนาดตัวเครื่อง : 47.3 x 47.3 x 12.0 มม.
- น้ำหนัก : ประมาณ 44.5 กรัม (ไม่รวมสาย)
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 1.43″ (466 x 466 พิกเซล)
- วัสดุตัวเรือน : กรอบอลูมิเนียมอัลลอย
- วัสดุสาย : สายฟลูออโรรับเบอร์/สายฟลูออโรรับเบอร์ + สายไนลอน
- แบตเตอรี่ : 486mAh ใช้งานได้สูงสุด 15 วัน
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3, NFC, GPS
- แอปพลิเคชั่นเชื่อมต่อ : Mi Fitness (รองรับ iOS 14 ขึ้นไป และ Android 8.0 ขึ้นไป)
- มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM
- สีสัน : ดำ, เงิน และ Rainbow

แกะกล่อง Xiaomi Watch S4
มาต่อกันที่ Xiaomi Watch S4 สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่กันบ้าง ตัวกล่องจะเป็นกล่องสีขาวยาว ที่ด้านหน้ามีภาพประกอบของ Xiaomi Watch S4 สีที่เราได้มารีวิวเป็นสีเงิน เรียบหรูแบบนี้

อุปกรณ์ภายในกล่องของ Xiaomi Watch S4 ก็ให้มา 3 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Xiaomi Watch S4
- เอกสารคู่มือ
- แท่นชาร์จแบบแม่เหล็ก

ดีไซน์ Xiaomi Watch S4
มาชมดีไซน์ของ Xiaomi Watch S4 กันเลยครับ รุ่นที่เราได้มาเป็นสีเงิน ที่ตัวหน้าปัดจะมีความเรียบง่ายพร้อมกรอบแบบคลาสสิกที่มีเครื่องหมายบอกนาทีอยู่ด้วย ทำให้ดูกลมกลืนกับนาฬิกาทั่วไปแต่ก็แฝงความเป็นเทคโนโลยีภายในได้อย่างเต็มเปี่ยมครับ

ซึ่งไฮไลท์เด่นของ Xiaomi Watch S4 ก็คือการปรับแต่ง เพราะเราสามารถถอดเอากรอบหน้าปัดนี้ออกมาได้ และมีตัวเลือกให้เปลี่ยนอีกเพียบ ปรับให้เข้ากับลุคในแต่ละวันได้อย่างหลากหลายเลยทีเดียวครับ

ตัวหน้าจอจะเป็น AMOLED ขนาด 1.43″ มีความละเอียด 460 x 460 พิกเซล แสดงผลได้คมชัดเลยครับ แถมความสว่างสูงสุดยังทำได้ถึง 2200nits เหมาะกับแดดแรง ๆ ของบ้านเราดีมาก เวลาใช้งานกลางแจ้งก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมองไม่เห็นเนาะ

เรื่องการปรับแต่งก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่เปลี่ยนกรอบหน้าปัดได้ แต่ตัวหน้าปัดบนจอก็มีให้เลือกปรับหลากหลาย อย่างค่าเริ่มต้นเองก็จะมีมาให้เปลี่ยนถึง 9 แบบ แต่ถ้ายังไม่พอไปโหลดเพิ่มผ่านแอปได้กว่า 200 แบบเลย สวย ๆ ทั้งนั้นครับ

ที่ด้านขวาของตัวเรือนจะมีปุ่มกด 2 ปุ่ม ด้านบนเป็นเม็ดมะยมที่ออกแบบได้เหมือนนาฬิกาคลาสสิก หมุนเลื่อนตามการใช้งานได้จริง ส่วนปุ่มล่างจะเป็นปุ่มลัดสำหรับเข้าถึง Control Centre ครับ

สำหรับสายของ Xiaomi Watch S4 สีเงินจะเป็นสายฟลูออโรรับเบอร์สีเทา มีความนุ่มรับกับข้อมือได้ดี ยืดหยุ่นและสามารถใส่ออกกำลังกายได้แบบไม่าระคายเคืองครับ โดนน้ำก็ทำความสะอาดได้ง่าย พอรวมเข้ากับตัวเรือนที่เป็นทรงคลาสสิกก็ลงตัวเลย

ส่วนที่ด้านหลังของตัวเรือนจะมีโมดูลเซ็นเซอร์ความแม่นยำสูง พร้อมกับตัว PIN ที่ใช้เชื่อมต่อกับแท่นชาร์จแบบแม่เหล็กด้วยครับ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Xiaomi Watch S4 ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย ดีไซน์เรียบหรู คลาสสิก และสามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้ตลอด ไม่ว่าจะโอกาสไหน เข้าได้กับทุกลุค หรือถ้าอยากเปลี่ยนแนว ตัวเรือน ตัวสาย ก็สามารถ Custom ได้เพิ่มเติมอีกเพียบเลยล่ะครับ

เชื่อมต่อกับมือถือด้วยแอป Mi Fitness
มาถึงขั้นตอนการเชื่อมต่อกันบ้าง Xiaomi Watch S4 นั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมือถือผ่านแอป Mi Fitness ครับ รองรับทั้งระบบ iOS (ที่รัน iOS 14 ขึ้นไป) และสมาร์ทโฟน Android (ที่รัน Android 8 ขึ้นไป) ครับ ซึ่งในแอปนี้หมวด Device จะมีบอกสถานะของ Watch S4 รวมถึงให้เราตั้งค่าต่าง ๆ อย่างเช่น จัดการหน้าปัด โหลดแบบใหม่ ๆ เพิ่มอย่างที่เคยบอกไป หรือตั้งค่าระบบ การแจ้งเตือนต่าง ๆ ครับ

หรือถ้าอยากปรับอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำผ่านตัว Xiaomi Watch S4 ได้เองเหมือนกัน การควบคุมผ่านหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43″ ถือว่ากำลังดีแล้วครับ แถม UI ทำมาลื่นไหลมาก ๆ ไอคอนก็สีสันสวยงาม ดูน่าใช้เลย

แต่ถ้าอยากดูข้อมูลสุขภาพหรือการออกกำลังกายแบบภาพรวม เพิ่มเติมก็สามารถดูได้จากแอป Mi Fitness เหมือนกัน ดูบนหน้าจอสมาร์ทโฟนก็อาจจะสะดวกกว่าหน่อยล่ะเนอะ

ฟีเจอร์สุขภาพครบ ด้วยโมดูลเซ็นเซอร์ความแม่นยำสูง
อย่างที่บอกว่า Xiaomi Watch S4 นั้นมาพร้อมโมดูลเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง ผสานโมดูลวัดหัวใจความแม่นยำสูงกับอัลกอริทึมที่พัฒนาขึ้นเอง เพิ่มความแม่นยำในการวัดหัวใจถึง 98% นอกจากนี้ยังมีแอป Check Up ที่เอาไว้ติดตามหัวใจ ความเครียด ออกซิเจนในเลือด และการนอนหลับ ครบภายใน 60 วินาที อีกด้วย

ด้านการตรวจจับการนอนก็ทำได้ดีเลยครับ ระบบจะตรวจจับมาอย่างละเอียด หลับลึก หลับต้นเท่าไหร่ มีตื่นระหว่างคืนกี่ครั้ง รวมถึงการตรวจวัดการหายใจที่เราสามารถเปิดตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกด้วย

มีโหมดกีฬากว่า 150 โหมด เหมาะสำหรับกิจกรรมทุกประเภท
ด้านการออกกำลังกาย Xiaomi Watch S4 ก็ทำได้ดีเลยครับ เพราะรองรับโหมดกีฬากว่า 150 โหมด สายวิ่งก็ต้องถูกใจ เพราะมีระบบจีเอ็นเอสเอสสองความถี่ L1+L5 จากห้าระบบระบุตำแหน่งดาวเทียม ชิปจีเอ็นเอสเอสสองความถี่แบบอิสระให้การระบุตำแหน่งที่แม่นยำผ่านห้าระบบดาวเทียมหลัก เพื่อบันทึกกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ มีหลักสูตรการวิ่งและการจดจำรูปแบบการวิ่งด้วยครับ

นอกจากนี้ยังโหมดสกีระดับมืออาชีพ พร้อมฟีเจอร์ Fall Detection หรือการตรวจจับการล้มเพื่อความปลอดภัย ที่รองรับการตรวจจับการล้มขณะเล่นสกี หากไม่มีการตอบสนองภายใน 60 วินาที ระบบจะโทรหาผู้ติดต่อฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ

ส่วนความสามารถด้านไลฟ์สไตล์ทั่วไป ก็มีรองรับครบเช่นกัน ทั้งการแจ้งเตือนที่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ, การรับสายหรือโทรออกจากข้อมือ, คำสั่งแบบท่าทาง จะจีบมือ บิดข้อมือ ทำได้หมด หรือถ้าใช้งานร่วมกับมือถือ Xiaomi ที่รองรับ Xiaomi Smart Hub ก็สามารถสั่งลั่นชัตเตอร์ถ่ายรูป ส่งเสียงเวลาค้นหามือถือได้จากข้อมือเลยด้วยนะ

แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 15 วัน มีชาร์จไวด้วย
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Xiaomi Watch S4 ก็ทำได้ยอดเยี่ยมอีก เพราะเคลมว่าสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 15 วัน หรือ 2 สัปดาห์ชาร์จทีได้เลย ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานมากว่า 1 สัปดาห์ก็ยังเหลือ ๆ ยังไม่ได้ชาร์จเลยสักครั้งครับ แต่ถ้าใช้งานจนหมดจริง ๆ ก็ไม่ต้องห่วง เพราะรุ่นนี้มีระบบชาร์จไว แค่ชาร์จ 5 นาทีก็ใช้งานได้ต่ออีก 2 วันเลยนะ หมดกังวลเรื่องลืมชาร์จได้เลย!

ราคาและโปรโมชั่น Xiaomi Watch S4
Xiaomi Watch S4 เปิดตัวมาด้วยกัน 3 สีคือ สีเงิน, สีดำ และสี Rainbow มีราคาพิเศษสำหรับช่วงเปิดตัวแตกต่างกันดังนี้ครับ
- Xiaomi Watch S4 สีเงินและสีดำ ราคา 4,990 บาท (จากปกติ 5,490.-)
- Xiaomi Watch S4 สี Rainbow ราคา 5,490 บาท (จากปกติ 5,990.-)
โดยราคาพิเศษนี้จะต้องสั่งซื้อภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 เท่านั้นครับ

สรุปแล้ว “นี่คือ 2 อุปกรณ์ AIoT ที่มาเติมเต็มการใช้งานของ Xiaomi Ecosystem อย่างแท้จริง”
สรุปแล้วทั้ง 2 อุปกรณ์นี้ก็เข้ามาเติมเต็มการใช้งานของ Xiaomi Ecosystem จริง ๆ ว่าไหมล่ะครับ ทั้งหูฟังระดับไฮเอนด์ Xiaomi Buds 5 Pro Wi-Fi ที่พอจับคู่กับ Xiaomi 15 Ultra แล้วมอบคุณภาพเสียง Lossless สูงสุด 4.2Mbps เหนือระดับไปด้วยกัน ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมฟินขึ้นอีกเยอะ หรือจะเป็น Xiaomi Watch S4 สมาร์ทวอทช์ดีไซน์เรียบหรูแต่ความสามารถครบ ที่ช่วยเพิ่มการใช้งานในรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับแจ้งเตือน การออกกำลังกาย ตรวจจับสุขภาพที่แม่นยำได้มากขึ้น และความเป็น Xiaomi ที่ผลิตทุกอย่างจนชำนาญอยู่แล้ว พอใช้งานร่วมกันก็ยิ่งเข้าก๊าน เข้ากันไปหมด แฟน ๆ Xiaomi ที่กำลังเล็งอุปกรณ์เสริมทั้งหูฟังหรือสมาร์ทวอทช์อยู่ 2 รุ่นใหม่นี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะหาได้ในเวลานี้แล้วล่ะครับ ไปจัดกันเถอะ!
