Featured
รีวิว Xiaomi Mi 8 Lite ดีไซน์กระจก 2.5D และกล้อง AI Portrait พร้อมเอฟเฟ็กต์เล่นแสง
Xiaomi Mi 8 Lite สมาร์ทโฟนฝาหลังกระจกขอบโค้ง 2.5D เรียบหรู มีสไตล์ มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.26 นิ้ว ชิพประมวลผล Snapdragon 660 และกล้องหลังคู่ 12 + 5 ล้านพิกเซล เพื่อการถ่ายภาพบุคคลที่สวยสมบูรณ์อีกด้วย
สรุปสเปค Xiaomi Mi 8 Lite
- ราคาเปิดตัว 7,990 บาท (แรม 4GB/64GB) และ 9,990 บาท (แรม 6GB/128GB) พฤศจิกายน 2018
- หน้าจอ 6.26 นิ้ว IPS LCD FullHD+ (1080 x 2280 พิกเซล) อัตราส่วน 19:9
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo กับ MIUI 9.6
- ซีพียู Qualcomm SDM660 Snapdragon 660
- จีพียู Adreno 512
- แรม 6GB ความจุ 64GB และแรม 6GB ความจุ 128GB
- กล้องหลังคู่ 12 + 5 ล้านพิกเซล, ขนาดพิกเซล 1.4um และรูรับแสง f/1.9 มาพร้อมกับ AI ถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังละลาย
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 (Sony IMX576) พร้อมเทคโนโลยี Super Pixel (1.8um)
- รองรับ Wi-Fi ac, Bluetooth 5.0, USB Type-C
- แบตเตอรี่ 3350mAh รองรับชาร์จเร็ว QC 3.0
ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Xiaomi Mi 8 Lite มาในกล่องสีส้มเรียบๆ ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของ Xiaomi โดยมีอุปกรณ์ภายในกล่องดังนี้
- ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 8 Lite และแบตเตอรี่ในตัว
- เคส
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- สายเคเบิล USB Type-C
- คู่มือใช้งาน และเข็มจิ้มถาดใส่ซิม
Xiaomi Mi 8 Lite มีดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นพรีเมียม โดยฝาหลังเป็นกระจกของโค้งมน 2.5D ทั้ง 4 ด้านของฝาหลัง โค้งสนิทเข้ากับกรอบตัวเครื่องที่มีความโค้งเว้า ซึ่งจะช่วยให้การจับใช้งานกระชับมือมากขึ้น
สำหรับฝาหลังไล่เฉดสี NCVM Gradient จะเป็นรุ่นตัวเครื่องสี Aurora Blue (Blue/Purple) ในขณะที่สี Midnight Black ในบทความรีวิวนี้จะมีความเรียบหรู คลาสสิก
ด้านหลังของรุ่นนี้จะมีเลนส์กล้องคู่ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล จัดเรียงในแนวนอน และไฟแฟลช LED โดยมีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณกลางเครื่อง
หน้าจอขนาดใหญ่ 6.26 นิ้ว เป็นแผงหน้าจอ IPS LCD ซึ่งถือว่าเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่มาก แต่ตัวเครื่องยังสามารถจับถือในมือเดียวได้ เพราะการดีไซน์ให้พื้นที่แสดงผลด้านหน้าขยายชิดขอบทุกด้านนั่นเอง และมีอัตราส่วนหน้าจอ 19:9 ด้วย ตัวเครื่องจึงไม่ได้ใหญ่ตามขนาดหน้าจอ และครอบด้วยกระจกกันรอยขอบโค้งมน 2.5D ทำให้เวลาจับจะไม่มีขอบคม
บริเวณเหนือหน้าจอจะมีรอยบากสำหรับเป็นพื้นที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงกล้องหน้าเลนส์คู่ที่ใช้สำหรับถ่ายเซลฟี่ ซึ่งรอยบากตรงนี้จะกินพื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ใหญ่เหมือนรุ่นก่อนๆ แล้ว
ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับ และปุ่ม Power
ขอบด้านซ้ายมีถาดใส่ซิมขนาด Nano SIM จำนวน 2 ช่อง หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2 ก็ได้
ขอบด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ขอบด้านล่างมีลำโพง, ไมโครโฟน และที่น่าสนใจคือสมาร์ทโฟนตัวนี้มาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C สำหรับใช้ชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับในรุ่น Xiaomi Mi 8 Pro ซึ่งเป็นรุ่นท็อปในซีรีส์นี้จะมีความโดดเด่นที่ฝาหลังเป็นแบบใสที่จะเห็นกราฟิกแผงวงจรด้านใน ได้ความแปลกตาในด้านดีไซน์ใหม่ๆ
นอกจากนี้ก็ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ใส่มาให้ในรุ่นท็อปนั่นเอง
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Xiaomi Mi 8 Lite มาพร้อมกับ MIUI 9.6 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วจาก Xiaomi ในขณะนี้ ตัวระบบมีการปรับแต่งให้ทำงานบนหน้าจอแบบ FullScreen ได้อย่างลื่นไหล สีสันของไอคอนมีความสวยงามมากขึ้น
ด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม รองรับ VoLTE, เชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ac, Bluetooth 5.0, และพอร์ต USB Type-C
หน้าจอแสดงผลมาพร้อมโหมดสำหรับอ่านข้อความบนหน้าจอ โดยการตัดแสงสีฟ้าแล้วปรับโทนสีบนหน้าจอเป็นสีอุ่น เพื่อให้สบายตามากขึ้น เหมาะสำหรับใช้งานในเวลากลางคืน รวมไปถึงการเลือกโหมดสีบนหน้าจอได้ด้วย และรองรับการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุกหน้าโดยไม่ต้องกดปุ่ม Power
หากเบื่อหน้าตาแบบเดิมๆ ก็มีระบบ Theme สำหรับให้ผู้ใช้งานเข้าไปดาวน์โหลดใช้งานเพื่อการปรับแต่งหน้าจอได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยนอกจากการสแกนลายนิ้วมือแล้ว ยังมีระบบ Face Unlock การปลดล็อคหน้าจอได้ด้วยใบหน้า เพียงกดเปิดหน้าจอแล้วยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องที่ใบหน้าก็จะปลดล็อคได้ทันที ซึ่งการมีทั้ง 2 ฟีเจอร์นี้ถือว่าดีมากๆ เพราะบางสถานการณ์เราไม่สามารถปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือได้ก็ใช้ใบหน้าแทน ในทางกลับกันถ้าไม่สะดวกใช้ใบหน้าปลดล็อคก็แค่วางนิ้วมือเพื่อสแกน
Second Space เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถแบ่งพื้นที่ตัวเครื่องออกจากการใช้งานพื้นที่ปกติได้ แยกออกจากกันไปเลย ไม่เกี่ยวข้องกัน นั่นก็หมายความว่าเราสามารถใช้งานได้เหมือนกับสมาร์ทโฟน 2 เครื่องแต่อยู่ในเครื่องเดียวกัน ซึ่งพื้นที่ที่แบ่งใช้งานใหม่นี้จะต้องใช้รหัสผ่านเพื่อยืนยันตัวตนในการเข้าใช้งาน และสามารถสลับไป-มา ระหว่างพื้นที่ปกติกับพื้นที่ที่สองได้
สำหรับหน้าจอแสดงผลแบบ FullScreen ของ Xiaomi Mi 8 Lite สามารถใช้ปุ่มนำทางแบบสัมผัสได้ ไม่ต้องมีปุ่มนำทางลอยอยู่บนหน้าจอ หรือจะซ่อนรอยบากก็ทำได้เช่นกัน และสามารถเลือกให้แอพพลิเคชั่นที่อยู่บนเครื่องแสดงผลแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย
อัตราส่วนหน้าจอแสดงผล 19:9 ความคมชัดระดับ FullHD+ ทำให้การดูคอนเทนท์บนหน้าจอมีความคมชัด เป็นประโยชน์มากๆ เมื่อดูหน้าเว็บไซต์หรืออ่านบทความ ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ และเมื่อดูหนังหรือวิดีโอก็จะได้มุมมองภาพแบบเต็มตามากยิ่งขึ้น รวมถึงการเล่นเกมก็จะได้มุมมองภาพในเกมได้กว้างมากขึ้นด้วย
Split Screen ฟีเจอร์การแบ่ง 2 หน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ และสามารถลากที่เส้นแบ่งระหว่าง 2 หน้าจอเพื่อย่อหรือขยายขนาดหน้าจอได้ด้วย ซึ่งรองรับแอพยอดนิยมหลายตัว เช่น Facebook, WhatsApp, Twitter, LINE, YouTube เป็นต้น
สำหรับคอโซเชียลก็มีฟีเจอร์ Dual App สำหรับโคลนแอพให้สามารถใช้งานได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว ซึ่งรองรับแอพโซเชียลเกือบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, Messenger, WhatsApp, WeChat เป็นต้น
ประสิทธิภาพการทำงาน การเล่นเกม และแบตเตอรี่
Redmi Mi 8 Lite รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm SDM660 Snapdragon 660 ซีพียูแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระดับ Quad-core 2.2 GHz Kryo 260 และ Quad-core 1.8 GHz Kryo 260 มาพร้อมจีพียู Adreno 512 โดยรุ่นที่ใช้ในบทความนี้เป็นรุ่นแรม 4GB ความจุตัวเครื่อง 64GB และผลการทดสอบ AnTuTu ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 143,151 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าทำได้ค่อนข้างสูง
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Xiaomi Mi 8 Lite ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,593 และ Multi-Core ทำได้ 5,805 คะแนน
ทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile สุดยอดเกมแอ็คชั่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วย Unreal Engine 4 เป็นเกมที่มีภาพและกราฟิกที่สวยงามมาก ต้องใช้การควบคุมทิศทาง และความแม่นยำในการระบุเป้ายิง สามารถเล่นได้อย่างไม่สะดุด ไม่เจออาการกระตุก
มาถึงการทดสอบเล่นเกมยอดฮิต ROV เกมมือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ Xiaomi Mi 8 Lite รองรับการเล่นในโหมดเฟรมเรตสูงและภาพในระดับ HD ซึ่งการเล่นโหมดนี้จะได้ภาพที่มีความ smooth และการเลื่อนไหวหรือเลื่อนหน้าจอทำได้ลื่นไหลไม่กระตุก
เฟรมเรตที่ได้ในขณะเล่นเกม ROV จะวิ่งอยู่ที่ 57-60fps ตลอดการเล่น ซึ่งนิ่งมากๆ ทำให้ภาพเกมดูลื่นไหล เล่นได้แบบชิวๆ และหมดปัญหาภาพกระโดดหรือกระตุกในช่วงเวลาสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นขณะกำลังโจมตีศัตรูหรือวิ่งหลบสกิล เพราะในบางครั้งเมื่อภาพกระตุกเพียงเสี้ยววินาทีก็ส่งผลให้การต่อสู้เปลี่ยนได้ และหน้าจอที่กว้างขึ้น ยังช่วยให้การเล่นเกมได้มุมมองที่กว้างมากขึ้น เห็นสภาพแวดล้อมหรือมีโอกาสในการเห็นศัตรูที่อยู่ริมขอบหน้าจอได้มากกว่าหน้าจอบนสมาร์ทโฟนทั่วไป ซึ่งก็เป็นจุดได้เปรียบที่ดีอย่างหนึ่งในการเล่นเกม
ทดสอบเล่นเกม Asphalt 9 : Legends เกมแข่งรถภาคใหม่ล่าสุดจาก Gameloft ที่มีการออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์เกมคอนโซลที่สมจริงและภาพกราฟิกที่สวยงามมากขึ้นด้วยเทคนิค HDR ก็สามารถเล่นบน Xiaomi Mi 8 Lite ได้อย่างลื่นไหล ภาพสวยเต็มตามากๆ
แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุมากถึง 3350mAh จากการทดสอบใช้งานทั่วไป เปิดกล้องถ่ายรูป เล่นเกมราว 30 นาที และเข้าเล่นโซเชียลทั่วไป พบว่าผ่านไปประมาณครึ่งวันแบตยังเหลือ 55% ซึ่งถือว่าแบตอึดพอสมควร
นอกจากนี้แล้ว Xiaomi Mi 8 Lite ยังรองรับการชาร์จด่วน Quick Charge 3.0 ของ Qualcomm ด้วย แต่ว่าหัวชาร์จที่ให้มาในกล่องรองรับได้เพียง Quick Charge 1.0 กำลังไฟสูงสุด 10W ซึ่งถ้าใครอยากชาร์จแบต 3350mAh เต็มไวๆ ก็สามารถหาหัวชาร์จเสริมที่ได้มาตรฐาน QC 3.0 มาใช้งานได้
กล้องถ่ายรูป
Xiaomi Mi 8 Lite มีเลนส์กล้องหลังแบบคู่ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล ซึ่งมีจุดเด่นด้วย AI ที่จะเข้ามาช่วยให้การถ่ายภาพทำได้ง่ายมากขึ้นในทุกๆ ฉาก โดยเซ็นเซอร์หลักเป็นเลนส์ Sony IMX363 ระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel Autofocus รูรับแสงกว้าง f/1.9 และมีขนาดพิกเซล 1.4μm
การถ่ายภาพบุคคลด้วยโหมด Auto จากกล้องหลังของ Xiaomi Mi 8 Lite ทำออกมาได้ดีมาก จะเห็นว่ารายละเอียดของภาพเก็บได้ครบทั้งตัวนางแบบและวัตถุโดยรอบ รวมไปถึงรายละเอียดของฉากหลังด้วย
ในโหมด Auto หรือรูปถ่ายนี้ เมื่อ AI ตรวจจับได้ว่ากำลังถ่ายภาพคน ระบบจะขึ้นแสงไฟให้เลือกใช้งานคือ ไฟพื้นหลัง จะได้ความสว่างของภาพที่ดีขึ้น และ ภาพเงา จะได้มุมมองความรู้สึกของแสงของแสงที่มืดกว่า
Xiaomi Mi 8 Lite ได้เพิ่มเทคโนโลยี AI Portrait Mode เข้ามาช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลมีความสวยงามและดูน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งในโหมด Portrait จะช่วยให้ตัวนางแบบมีความโดดเด่นขึ้น โดยการละลายฉากหลัง และความประทับใจของกล้องรุ่นนี้คือการตัดขอบระหว่างตัวแบบกับฉากหลังทำได้คมและเนียนมากๆ
ภาพที่ถ่ายในโหมด Portrait สามารถนำมาปรับความเบลอของฉากหลังได้ได้ (AI Adjustable Blur) หรือจะเลือกจุดโฟกัสใหม่ก็ทำได้เช่นกัน อยากให้จุดไหนชัด และจุดไหนเบลอ ก็เลือกเองได้เลย
ในการปรับแต่งภาพจากโหมด Portrait ยังมีฟีเจอร์ AI Dynamic Bokeh หรือเส้นทางแสง สำหรับทำเอฟเฟ็กต์ให้กับฉากหลังได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหมุนวนของแสง เปลี่ยนดวงไฟโบเก้ด้านหลังเป็นรูปหัวใจ หรือประกายสี่เหลี่ยม เป็นต้น
นอกจากนี้แล้วก็ยังเลือกใส่เอฟเฟ็กต์แสงไฟให้กับภาพถ่ายจากโหมด Portrait ได้ด้วยฟีเจอร์ AI Studio Lighting หรือเมนูภาษาไทยจะใช้คำว่า เอฟเฟ็กต์สามมิติ ซึ่งทุกเอฟเฟ็กต์สามารถใช้นิ้วลากเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งทิศทางของแสงได้
ความฉลาดของกล้อง Xiaomi Mi 8 Lite ยังมีฟีเจอร์ AI Scene Detection สำหรับตรวจจับจับฉากที่แตกต่างกัน แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะกับการถ่ายภาพนั้นๆ แบบอัตโนมัติ เช่น อาหาร ต้นไม้ ดอกไม้ ถ่ายภาพคน เป็นต้น ซึ่งระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel ในรุ่นนี้ถือว่าทำงานได้รวดเร็วมาก ถ้าเป็นภาพอาหาร ระบบจะทำการเพิ่มเฉดสีให้กับภาพอาหารเป็นโทนสีเหลืองกว่าปกติ เพื่อให้สีสันดูน่ากินมากยิ่งขึ้น
สำหรับกล้องหน้าของ Xiaomi Mi 8 Lite มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล เป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX576 ขนาดพิกเซล 1.8μm และเทคโนโลยี Super Pixel โดยมีรูรับแสงกว้าง f/2.0 และ AI สำหรับการปรับแต่งใบหน้าให้ออกมาสวยงาม หรือละลายฉากหลังด้วยโหมด Portrait และกล้องหน้ายังมีความสามารถในการถ่ายภาพด้วยโหมด HDR แม้ถ่ายย้อนแสงก็ไม่ต้องกลัวหน้าดำ
ภาพเซลฟี่จากกล้องหน้า Xiaomi Mi 8 Lite
นอกจากนี้แล้ว ก็สามารถเลือกใส่ความฟรุ้งฟริ๊งให้กับภาพเซลฟี่ เปลี่ยนฟิลเตอร์ หรือใส่สติกเกอร์ เพิ่มข้อความต่างๆ ให้ดูสวยงาม น่ารักๆ ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Xiaomi Mi 8 Lite
สรุปจุดเด่น
- Xiaomi Mi 8 Lite เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงามระดับพรีเมียม กระจกที่เลือกใช้เป็นแบบ 2.5D ขอบโค้งมนทั้ง 4 ด้าน และฝาหลังมีการไล่เฉดสี NCVM Gradient ในรุ่นตัวเครื่อง Aurora Blue (Blue/Purple) ในขณะที่สี Midnight Black ก็จะดูเรียบหรู คลาสสิก
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.26 นิ้ว Full HD+ อัตราส่วน 19:9 เห็นภาพได้เต็มตา และได้ประสบการณ์ด้านความบันเทิงอย่างเต็มที่
- กล้องหน้าเซลฟี่ 24 ล้านพิกเซล, f/2.0 (Sony IMX576) พร้อมเทคโนโลยี Super Pixels ช่วยให้ภาพเซลฟี่มีความคมชัดและสวยงาม
- กล้องหลังเลนส์คู่ 12+5 ล้านพิกเซล มีระบบโฟกัสที่รวดเร็ว และรูรับแสงกว้าง เก็บแสงได้ดี และเทคโนโลยี AI ในการถ่ายภาพบุคคลทำได้ดีมากๆ
- ชิพเซ็ต Snapdragon 660 ตัวเครื่องโดยรวมทำงานได้ลื่นไหลดี
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ในกล่องไม่มีหูฟังแถมมาให้
รายละเอียดเพิ่มเติมและเป็นเจ้าของได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลย
- Xiaomi Mi 8 Lite : http://bit.ly/2RsScpv
- Xiaomi Mi 8 Pro : http://bit.ly/2PjmONA