Smart Review
รีวิว Xiaomi Pad 6S Pro | Redmi Pad Pro สองแท็บเล็ตจอ 12″ ใหญ่ขึ้น เติมเต็มไอเดียได้มากกว่า!
รีวิววันนี้มาแบบแพ็กคู่ Xiaomi Pad 6S Pro และ Redmi Pad Pro แท็บเล็ตไซซ์ใหญ่รุ่นล่าสุดที่ออกมาตอบโจทย์ทั้งความบันเทิงและการทำงานอย่างครอบคลุมใน 2 ตัวเลือกราคาสุดคุ้มอีกเช่นเคย ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตแอนดรอยด์มาใช้งานช่วงนี้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ 2 รุ่นนี้การใช้งานเป็นอย่างไรและเหมาะกับใคร ติดตามได้ใน รีวิว Xiaomi Pad 6S Pro และ Redmi Pad Pro นี้เลยครับ!
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทั้ง 2 รุ่นนี้เป็น 2 ตัวเลือกที่ต่างกันชัดเจน อย่างรุ่น Xiaomi Pad 6S Pro จะเป็นกลุ่มเรือธงที่เน้นสเปคแรงที่สุดจาก Xiaomi ในขณะที่ Redmi Pad Pro จะเป็นกลุ่มรองลงมาเน้นการใช้งานที่ครบครันในราคาที่ไม่สูงมากนัก เพราะฉะนั้นในรีวิวนี้เราเลยขอแยกโฟกัสกันไปทีละรุ่น เพื่อไม่ให้สับสนละกันเนาะ
ราคาและโปรโมชั่น
ก่อนจะไปเริ่มรีวิวกันในแต่ละรุ่น เราขอมาเปิดราคาของทั้ง 2 รุ่นนี้ก่อนเลยเพื่อให้เห็นภาพของกลุ่มเป้าหมายของแต่ละรุ่นเนาะ โดย Xiaomi Pad 6S Pro จะมีให้เลือกความจุเดียว และ Redmi Pad Pro มีให้เลือก 2 ความจุ มีราคากันดังนี้เลย
- Xiaomi Pad 6S Pro (8GB+256GB) ราคา 18,990 บาท
- Redmi Pad Pro (6GB+128GB) ราคา 8,990 บาท
- Redmi Pad Pro (8GB+256GB) ราคา 10,990 บาท
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมีโปรโมชั่น Pre-Order ภายในวันที่ 14 – 27 มิถุนายนจะได้รับของแถมแต่ละรุ่นดังนี้เลย
- Xiaomi Pad 6S Pro (8GB+256GB) รับของแถมเป็น Xiaomi Pad 6S Pro Keyboard มูลค่า 3,999 บาท
- Redmi Pad Pro (6GB+128GB) รับของแถมเป็น Redmi Pad Pro Cover มูลค่า 1,199 บาท
- Redmi Pad Pro (8GB+256GB) รับของแถมเป็น Redmi Pad Pro Keyboard มูลค่า 1,999 บาท
สรุปสเปค Xiaomi Pad 6S Pro
- ขนาดตัวเครื่อง : 278.7 x 191.58 x 6.26 มม.
- น้ำหนัก : 590 กรัม
- หน้าจอ : LCD ขนาด 12.4″ อัตราส่วน 3:2
- ความละเอียด : 3K (3048 x 2032 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 900nits
- Refresh rate : 144Hz แบบ AdaptiveSync
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 8 Gen 2 Octa-Core 3.19GHz (4nm)
- RAM : 8GB (LPDDR5X)
- ROM : 256GB (UFS 4.0)
- แบตเตอรี่ : 10000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
- กล้องหน้า : 32MP f/2.2
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (ISOCELL JN1 ขนาด 1/2.76″) f/1.8
- 2MP กล้อง Depth f/2.4
- การเชื่อมต่อ : WiFi 7, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต USB-C 3.2 Gen 1
- ระบบรักษาความปลอดภัย : AI Face Unlock, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Power
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
- สีสัน : Graphite Gray
Xiaomi Pad 6S Pro แท็บเล็ตเรือธง ใหญ่ขึ้น เติมเต็มไอเดียได้มากกว่า!
งั้นขอเริ่มที่ Xiaomi Pad 6S Pro ก่อนเลยดีกว่า รุ่นนี้ก็เป็นเรือธงที่ต่อยอดมาจาก Xiaomi Pad 6 เดิมที่ทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่อัปเกรดสเปคและขนาดหน้าจอขึ้นมาเป็น 12.4″ ใหญ่เต็มตาแบบที่สโลแกนว่าไว้ว่า “Big Idea on a Bigger screen”
อัตราส่วนหน้าจอของ Xiaomi Pad 6S Pro จะเลือกใช้เป็น 3:2 ให้พื้นที่ในการอ่านและทำงานมากกว่าหน้าจอแบบ 16:10 ทั่วไป ทำให้เวลาเราใช้งานแนวนอน เนื้อหาต่าง ๆ จะเห็นได้เต็มกว่า อย่างในหน้าเว็บไซต์ เมื่อเราเปิดในแนวนอนจะได้เนื้อหามากกว่าจอ 16:10 อย่างเห็นได้ชัดเลยครับตรงนี้
ตัวหน้าจอไม่ใช่แค่ใหญ่อย่างเดียวเพราะยังมีความละเอียดที่สูงถึงระดับ 3K (3048 x 2032 พิกเซล) เลยด้วย ทำให้ได้ความคมชัดแบบสุด ๆ แถมยังรองรับ HDR10, Dolby Vision และความสว่างสูงสุดถึง 900nits ถูกใจสายคอนเทนต์ที่ต้องการรายละเอียดที่มากกว่า ไม่ว่าจะทำงานที่ต้องมีสีสันหรือภาพเข้ามา หรือจะเน้นไปที่ความบันเทิงจอของ Xiaomi Pad 6S Pro ก็ตอบโจทย์มาก ๆ ครับ
แต่แค่จอสวย สีจัดเต็มยังไม่พอ Xiaomi Pad 6S Pro ยังมี Refresh rate แบบ AdaotiveSync ที่ปรับขึ้น-ลงได้ 7 ระดับตั้งแต่ 30/48/50/60/90/120/144Hz อีกด้วย ทำให้ทุกการสัมผัสบนหน้าจอมีความลื่นไหล และถ้าเราไม่ได้สัมผัสก็ยังประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกด้วยครับ
งานประกอบโลหะ เรียบหรู ชวนสัมผัส
มาดูรอบ ๆ ตัวเครื่องกันบ้าง อย่างที่บอกว่า Xiaomi Pad 6S Pro นั้นเป็นแท็บเล็ตเรือธงของ Xiaomi แล้ว ทำให้ดีไซน์ได้ความเรียบหรูมาไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ๆ งานประกอบเป็นโลหะกรอบเหลี่ยม ที่ดูแน่นหนาและแข็งแรงชวนสัมผัสไม่น้อยครับ
แต่เห็นว่าบอกแน่น ๆ แบบนี้ แต่ตัวเครื่องก็มาพร้อมความบางแค่ 6.26 มม.เท่านั้น เป็นความบางที่หยิบถือได้แบบไม่บางเกินไป บวกกับกรอบเครื่องแบบเหลี่ยมก็ช่วยเพิ่มความกระชับมือถ้าใช้งานแบบไม่ใส่เคสเพิ่มเติมครับ น้ำหนักก็จะอยู่ที่ 590 กรัม เทียบกับขนาดหน้าจอระดับ 12.4″ ถือว่าไม่หนักเลยนะ
ดีไซน์กล้องหลังก็โดดเด่นเลย เหมือนยกเอาดีไซน์ของ Xiaomi 14 มาต่อยอดบน Xiaomi Pad 6S Pro เลยล่ะครับ มีกล้องคู่อยู่บนฐานกล้องสี่เหลี่ยมที่ยกขึ้นจากตัวเครื่องอีกเล็กน้อย ให้ความพรีเมี่ยมและรู้สึกได้ถึงความทรงพลังจากกล้อง 50MP ที่ระบุไว้ด้านหลังด้วย
ปุ่มกดวางไว้ได้ดี ใช้งานสะดวกทั้งแนวตั้งแนวนอน
อย่างที่บอกไปว่าอัตราส่วนหน้าจอของ Xiaomi Pad 6S Pro นั้นเป็น 3:2 ซึ่งเหมาะกับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน ตัวปุ่มกดก็ออกแบบมาดี วางตำแหน่งให้เรากดได้อย่างสะดวก ถ้าถือเครื่องแนวนอนก็มีปุ่ม Power อยู่ฝั่งซ้ายและปุ่มเพิ่มลด-เสียงอยู่ด้านบน หรือถ้าใช้งานแนวตั้งก็มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ฝั่งขวา และปุ่ม Power อยู่ด้านบน ซึ่งที่ปุ่ม Power นี้จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้ปลดล็อคตัวเครื่องด้วยนะ
ลำโพงจัดเต็ม 6 ตัว รองรับ Dolby Atmos อีก
ส่วนเรื่องเสียง Xiaomi ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว บน Xiaomi Pad 6S Pro ได้ลำโพงมามากถึง 6 ตัวเลย แบ่งเป็นด้านบน 3 ด้านล่าง 3 เพราะฉะนั้น เสียงที่ออกมาไม่ว่าจะใช้งานแนวไหนก็เป็น Stereo ทั้งหมดครับ
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะตัวเครื่องยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงมีมิติมาก ๆ ด้วย และพอรวมกับหน้าจอที่รองรับ Dolby Vision อีก ทำให้ Xiaomi Pad 6S Pro นั้นเป็นแท็บเล็ตที่จัดเต็มเรื่องความบันเทิงมาจริง ๆ ครับ เสียงดีภาพเด่นแบบนี้ ถูกใจมาก!
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Xiaomi Pad 6S Pro ก็ถือว่าทำได้สมกับเป็นแท็บเล็ตเรือธงจาก Xiaomi มาก ๆ ครับ ทั้งงานประกอบที่หรูหราแน่นหนา แต่ยังพกพาได้สะดวก จอที่ให้มาใหญ่ถึง 12.4″ พร้อมเทคโนโลยีระดับสูงไม่ว่าจะเป็นความละเอียด 3K AdaptiveSync Refresh rate หรือจะเป็นลำโพงที่ให้มามากถึง 6 ตัว ครบเครื่องในแบบที่แท็บเล็ตยุคนี้จะให้ได้แล้วจริง ๆ ครับ
อุปกรณ์เสริม Xiaomi Pad 6S Pro
แท็บเล็ตยุคนี้จะให้สมบูรณ์ที่สุดก็คงต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมด้วย ซึ่ง Xiaomi Pad 6S Pro นั้นมีอุปกรณ์เสริมมาให้เลือกใช้งานกันครบทั้ง ปากกา Xiaomi Focus Pen, เคสฝาพับ Xiaomi Pad 6S Pro Cover และ เคสคีย์บอร์ด Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard ไหน ๆ เราก็ได้มาครบทั้ง 3 ชิ้นแล้ว งั้นมาทำความรู้จักกันไปทีละชิ้นเลยดีกว่า
Xiaomi Focus Pen
เริ่มที่ปากกา Xiaomi Focus Pen ก่อนเลยดีกว่า ตัวปากการอบนี้จะมาในโทนสีดำคมเข้ม พร้อมโลโก้ Xiaomi สีทอง ผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน ๆ ได้อารมณ์เหมือนดินสอแบรนด์หรู ที่ให้ความกระชับเวลาจับถือ
ตัว Xiaomi Focus Pen จะมีฝั่งที่เรียบที่ใช้แปะกับด้านบนของตัวเครื่องเพื่อจับคู่และชาร์จแบตเตอรี่ได้เหมือน Stylus ในยุคใหม่ ๆ แปะปุ๊บก็ดูดติดปั๊บ ซึ่งตัวแม่เหล็กก็บอกเลยว่าแน่นดีมาก มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าจะไม่ถูกชนจนหลุดง่าย ๆ แน่ครับ
ที่ตัวด้ามจะมีปุ่มกด 3 ปุ่มที่ช่วยให้เราใช้งานได้คล่องตัวมาก ๆ แบ่งเป็นปุ่มยาวที่จะมี 2 ปุ่มอยู่ในนั้น ซึ่งปุ่มแรกที่อยู่ใกล้หัวปากกาจะเป็น Writing Button ที่เมื่อเรากดค้างไว้ จะมี Pop Up ขึ้นมาบนหน้าจอ ให้เราได้แตะเพื่อเข้าสู่แอป Mi Canvas เพื่อใช้งานจดโน้ตได้ทันที หรือถ้าอยู่ในแอปแล้วปุ่มนี้ก็จะใช้เป็นการสลับตัวปากกาที่จะใช้ได้ด้วย
ส่วนอีกปุ่มในปุ่มยาวนี้จะเป็น Screenshot Button หรือปุ่มที่จะให้เราแคปหน้าจอเฉพาะส่วนได้ง่าย ๆ แค่กดปุ่มนี้ค้างไว้ จากนั้นลากส่วนที่ต้องการแคปได้เลย สะดวกดีมาก ๆ หรือถ้ากดปุ่มนี้ขณะใช้แอป Mi Canvas ก็จะเป็นการเปลี่ยนสีของปากกาได้ด้วยนะ
และปุ่มเล็กสุดท้ายปุ่มนี้เรียกว่า Spotlight Button ที่เรากด 1 ครั้งที่ปุ่มเพื่อสร้าง Pointer และกดค้างชี้ไปบนหน้าจอเหมือน Laser Pointer จำลองเวลานำเสนอพรีเซ็นได้ด้วย หรือถ้าใช้งานแอปกล้องอยู่ปุ่มนี้จะเป็นรีโมทชัตเตอร์สั่งถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอได้อีกต่างหาก
ในเรื่องการขีดเขียนบนหน้าจอ Xiaomi Focus Pen ก็ถือว่าจัดเต็มมาให้แบบสุด ๆ ตัวหัวปากกามีความแหลมกำลังดี เขียนสนุก หรือสายวาดก็รองรับแรงกดมากถึง 8192 ระดับเลย อีกทั้งยังมีความหน่วงต่ำแค่ 3ms เท่าที่ใช้งานจริงก็ใกล้เคียงกับการเขียนบนกระดาษมากจริง ๆ ครับ
Xiaomi Pad 6S Pro Cover
ต่อมาก็เป็นเคสฝาพับที่ออกแบบมาได้น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะนอกจากจะใช้ปกป้องตัวเครื่องแล้ว ยังมีรูปแบบการพับที่หลากหลาย ให้เราได้ปรับใช้งานในหลายรูปแบบทั้งแนวตั้งและแนวนอนเลยด้วย ตัวเคสจะเป็นสีดำที่มีลวดลายและรอยพับที่หลากหลาย
ตัวเคสจะเชื่อมต่อกับเครื่องผ่านแม่เหล็ก ก็ง่ายดายดีครับ ไม่ต้องมาแกะชิ้นส่วนหรือแงะตัวเคสให้วุ่นวายเปิดฝาพับออกมาและแปะเข้าไปได้เลย ที่ด้านหลังก็จะมีการปกป้องทั้งหมด ตัวเคสจะนูนข้ึนมาจากเครื่องเล็กน้อยทำให้ป้องกันบริเวณกล้องได้ด้วยเวลาวางกับโต๊ะเนาะ
ส่วนการพับตั้งก็ทำได้หมดตั้งแต่แนวนอนจนแนวตั้ง ด้วยความที่ตัวฝาพับด้านหน้าถูกออกแบบให้ปรับรูปทรงได้หลากหลาย แถมยังมอบความแข็งแรงเมื่อพับตั้ง ก็ช่วยให้เราใช้งานได้อย่างมั่นใจขึ้นเยอะ
จะเป็นแนวตั้งปรับขึ้นมาให้เราได้ไถหน้าจอดูคอนเทนต์แนวตั้งแต่แบบไม่ต้องถือ หรือจะเป็นแนวนอนดูวิดีโอ หรือจะใช้งานร่วมกับ Xiaomi Focus Pen เพื่อจด วาด ในองศาที่เหมาะสมก็ได้เช่นกัน
และด้วยความเป็นเคสที่ออกแบบโดย Xiaomi เอง จึงมีส่วนที่คอยล็อคปากกาไว้เวลาพกพาอีกด้วย ช่วยให้มั่นใจว่าถ้าพกติดตัวหรือใส่เป้ปากกาก็จะไม่เผลอไปเกี่ยวกับอะไรจนหล่นหายแน่นอน
Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard
ปิดท้ายที่เคสคีย์บอร์ก Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard ก็ตามชื่อเลยครับนี่เป็นเคสคีย์บอร์ดที่มี Touchpad มาด้วย เรียกว่าพอใส่ปุ๊บก็เหมือนเปลี่ยน Xiaomi Pad 6S Pro เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปสักเครื่องกันเลย ทรงมันได้จริง ๆ
ตัวคีย์บอร์ดก็ต้องบอกเลยว่าให้มาเหมือนคอมพิวเตอร์เป๊ะ ทั้งตัวปุ่มกดที่ขนาดใหญ่ (16 x 16 มม.) การเว้นช่องของแต่ละปุ่มที่พอเหมาะพอเจาะ และเคสที่วางจำหน่ายในบ้านเราก็จะมีภาษาไทยสกรีนมาไว้แล้วด้วย
พร้อมกันนี้ตัวเคสยังมีไฟ Backlight ด้านในด้วย พร้อมกับระบบ Auto Adjust backlight ช่วยปรับความสว่างตามการใช้งาน ทำให้เราใช้งานในที่มืดได้แบบไม่ต้องคลำหาปุ่มกันแล้วล่ะครับ
ตัวปุ่มฟังก์ชั่นด้านบนก็มีมาให้ใช้เหมือนกับบนแล็ปท็อปเลย อาทิ ปุ่ม F1 – F2 ลด-เพิ่มความสว่าง, F10 – F11 ลด-เพิ่มเสียง ไปจนถึง F12 ที่ใช้ล็อคหน้าจอกันเลย
ส่วนตัว Touchpad ก็มีขนาดใหญ่กำลังดี ให้ใช้งานได้คล่องตัว รองรับการใช้งาน Gesture ครบเหมือนบนคอน อาทิ ใช้ 2 นิ้วเพื่อเลื่อนหน้าจอ, 3 นิ้วเลื่อนขึ้นเพื่อเข้าสู่หน้าโฮม, 3 นิ้วเลื่อนซ้าย-ขวาเพื่อสลับแอปแบบด่วน ๆ เป็นต้น
ตัวเคส Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard จะเชื่อมต่อกับตัวเครื่องผ่านแม่เหล็กเช่นเดียวกับตัว Cover แต่ด้วยความที่มีการสั่งงานเพิ่มเติมจึงต้องเชื่อมต่อผ่าน POGO PIN ที่ด้านหลังเครื่องด้วย แต่ก็ยังประกบแล้วใช้งานได้ทันทีไม่ยุ่งยากเหมือนกันครับ
และที่ด้านหลังจะมีขาตั้ง ที่สามารถปรับองศาก็ทำได้หลากหลายตั้งแต่ 110º – 165º เลย ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น จะตั้งตรงเวลาทำงานบนโต๊ะ หรือจะเอนลงไปเยอะ ๆ เวลาวางไว้บนตักก็ได้เลย
โดยรวมแล้วอุปกรณ์เสริมของ Xiaomi Pad 6S Pro ก็ถือว่าจัดเต็มมาเลยล่ะครับ มาเสริมการใช้งานได้อีกเยอะจริง ๆ ทั้งปากกา Xiaomi Focus Pen ที่ถ้าเป็นสายจด สายวาด ถูกใจแน่นอน เขียนดี ลื่นไหล ส่วนตัวเคสฝาพับก็ออกแบบมาดีเหมาะสำหรับสายใช้งานที่ต้องสัมผัสจอโดยตรงทั้งแนวตั้งแนวนอน ปกป้องตัวเครื่องได้พอประมาณ หรือจะเป็นเคสคีย์บอร์ด อันนี้ติดปีกให้กลายเป็นแล็ปท็อปแบบจริงจังได้เลยครับ!
ชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon 8 Gen 2
มาต่อกันที่เรื่องสเปค อย่างที่บอกว่า Xiaomi Pad 6S Pro นั้นเป็นแท็บเล็ตระดับเรือธง ชิปเซ็ตที่ใช้ก็จัดเต็มให้ Snapdragon 8 Gen 2 มาเลย แถมยังได้หน่วยความจำระดับสูงอย่าง RAM LPDDR5X และ Storage UFS 4.0 อีกด้วย ซึ่งรุ่นที่วางจำหน่ายในไทยจะมีให้เลือกความจุเดียวเลยคือ 8GB+256GB ครับ
แน่นอนว่าด้วยความเป็นชิปเรือธงประสิทธิภาพก็หายห่วงได้เลย แต่เพื่อให้เห็นภาพอีกหน่อย เราเลยทกสอบผ่านแอปยอดฮิตอย่าง AnTuTu Benchmark v10 และ Geekbench 6 คะแนนก็ออกมาสูงเท่านี้เลย
- AnTuTu Benchmark v10 = 1517545 คะแนน
- Geekbench 6 = Single-Core 1917 | Multi-Core 5271
เรียกว่าเป็นคะแนนที่สูงสมกับเป็นเรือธงจริง ๆ ซึ่งในเรื่องประสิทธิภาพ Xiaomi Pad 6S Pro ก็ทำได้ยอดเยี่ยม เราลองเล่นเกมฟอร์มยักษ์ทั้ง Call of Duty หรือ Genshin Impact ก็สบายเลย ปรับได้สูงสุด ได้จอใหญ่เต็มตาพร้อมลำโพง 6 ตัวมาชัด ๆ แบบนี้เล่นเกมยิ่งฟินเข้าไปใหญ่ หรือถ้าไม่สะดวกถือเครื่องจะลองเอาจอยคอนโทรลเลอร์มาเล่นด้วยก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกันครับ
แบตเตอรี่ 10000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 120W
Xiaomi Pad 6S Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 10000mAh ถือว่าเยอะเพียงพอในกลุ่มแท็บเล็ตจอใหญ่แล้ว เท่าที่เราลองใช้งานมาก็ถือว่าทำได้ดีเลย สามารถใช้ทำงานหนัก ๆ ได้ตลอดวัน หรือจะเอามาใช้งานเพื่อความบันเทิงก็ยังเหลือ ๆ ใครที่ต้องการความคล่องตัว แบบใช้งานโดยไม่ต้องพึ่งที่ชาร์จอยู่ตลอด รุ่นนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยล่ะ
แต่แน่นอนว่าถ้าใช้งานอย่างเต็มที่จนใกล้หมด ยังไงก็ต้องชาร์จอยู่ดี ตรงนี้ Xiaomi เลยเพิ่มทางแก้ด้วยการให้ระบบชาร์จเร็วถึง 120W ระบบชาร์จที่เร็วที่สุดบนแท็บเล็ตตอนนี้ เคลมว่าชาร์จแบตฯ 10000mAh เต็มได้ในเวลาแค่ 35 นาทีเท่านั้น เร็วมาก! แต่…แอบน่าเสียดายที่ในกล่องไม่ได้มีที่ชาร์จมาให้ แต่ถ้าใครที่มือถือ Xiaomi ที่มีชาร์จเร็ว 120W อยู่แล้ว ก็มาใช้งานคู่กันได้เลยครับ
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพของ Xiaomi Pad 6S Pro ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมครับ เท่าที่เราลองใช้งานมาไม่ใช่แค่การเล่นเกมแต่ถ้าทำงานหนัก ๆ ก็เอาอยู่หมด เท่าที่ใช้งานมาก็ยังไม่เจอปัญหาเครื่องกระตุกหรือแอปค้างแต่อย่างใด แบตเตอรี่ก็ให้เราใช้งานได้อย่างยาวนาน แถมยังมีระบบชาร์จเร็วที่เร็วสุด ๆ แบบนี้ด้วย หายห่วงเลยเรื่องประสิทธิภาพ
ใช้ระบบปฏิบัติการล่าสุด Xiaomi HyperOS
ปิดท้ายที่เรื่องซอฟต์แวร์ Xiaomi Pad 6S Pro นั้นใช้ระบบปฏิบัติการล่าสุด Android 14 ที่ครอบทับด้วย Xiaomi HyperOS อีกที ทำให้ได้ความสดใหม่มาก ๆ มีการปรับ UI ต่าง ๆ มาให้เข้ากับแท็บเล็ตมากขึ้น ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนที่หน้าจอใหญ่ขึ้นอีกต่อไป มีตัว Dock รวมแอปและแอปล่าสุดที่ใหญ่อยู่ด้านล่างเพื่อให้เข้าถึงแอปได้อย่างสะดวก
แอประบบส่วนใหญ่ก็มีการแบ่งฝั่งของเมนูได้ดีขึ้น หรือแอปอย่าง File Manager ก็ปรับโฉมใหม่ให้เราจัดการไฟล์ได้ระดับ PC มีการแบ่งหมวดหมู่ เข้าถึงรูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์เอกสารได้แบบทันทีทันใด
ส่วนใครที่ชอบใช้งานหลาย ๆ แอปบนหน้าเดียว ก็คงต้องถูกใจขึ้นอีก เพราะนอกจาก Xiaomi Pad 6S Pro จะมีจอที่ใหญ่ถึง 12.4″ แล้ว ตัว HyperOS ยังอนุญาตให้เราเปิดใช้งานหลายแอปบนหน้าจอได้ด้วย จะเปิดเป็นแอปลอย ๆ บนจอ หรือแบ่งจอซ้าย-ขวาก็ทำได้หมดเลย
สรุปแล้ว “นี่คือแท็บเล็ตเรือธง จอใหญ่กว่า ให้ไอเดียได้มากกว่า”
สรุปแล้ว Xiaomi Pad 6S Pro ก็ถือเป็นแท็บเล็ตเรือธงที่ให้มาครบที่สุดจาก Xiaomi ตอนนี้แล้ว ทั้งหน้าจอที่ใหญ่ถึง 12.4″ ความละเอียดสูง 3K ลื่นไหล 144Hz ใช้งานได้ครบถ้วนตั้งแต่ดูคอนเทนต์ความละเอียดสูงยันทำงานแบบหลายหน้าจอ ชิปเซ็ตที่ให้มาก็เป็นระดับเรือธง Snapdragon 8 Gen 2 ยังพร้อมทำงานหนักไปได้อีกยาว ๆ แบตเตอรี่ที่ความจุเยอะ 10000mAh แถมรองรับชาร์จเร็วสูงสุดถึง 120W อีกด้วย แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเหล่าอุปกรณ์เสริมที่รอบนี้มีให้เลือกครบ ตั้งแต่ Xiaomi Focus Pen ใหม่เขียนดี เทคโนโลยีเพียบ, Xiaomi Pad 6S Pro Cover เคสฝาพับพกพาก็ดี ตั้งใช้งานก็หลากหลาย หรือ Xiaomi Pad 6S Pro Touchpad Keyboard เสริมการทำงานให้เป็นระดับโปรที่สุดอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับใครที่กำลังเล็งตัวท็อปที่ทำได้ทุกอย่างและพร้อมจะอยู่กับเราไปอีกหลายปีจริง ๆ ครับ!
สรุปสเปค Redmi Pad Pro
- ขนาดตัวเครื่อง : 280 x 181.85 x 7.52 มม.
- น้ำหนัก : 571 กรัม
- หน้าจอ : LCD ขนาด 12.1″ อัตราส่วน 16:10
- ความละเอียด : 2.5K (2560 x 1600 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 600nits
- Refresh rate : 120Hz แบบ AdaptiveSync
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 7s Gen 2 Octa-Core 2.4GHz (4nm)
- RAM : 6GB/8GB (LPDDR4X)
- ROM : 128GB/256GB (UFS 2.2)
- แบตเตอรี่ : 10000mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จเร็ว 33W Fast Charging
- กล้องหน้า : 8MP f/2.28
- กล้องหลัง : 8MP f/2
- การเชื่อมต่อ : WiFi 6, Bluetooth 5.2, และพอร์ต USB-C 2.0
- ระบบรักษาความปลอดภัย : AI Face Unlock, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Power
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
- สีสัน : Graphite Gray, Ocean Blue
Redmi Pad Pro จอใหญ่จบครบทุกความบันเทิง
มาต่อกันที่รุ่นน้อง Redmi Pad Pro ที่ถึงแม้จะบอกว่าเป็นรุ่นน้อง แต่ก็ถือเป็นรุ่นสูงสุดของ Redmi Pad เลยล่ะครับ รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.1″ พร้อมให้เราได้สนุกเต็มที่บนอัตราส่วน 16:10 สมสโลแกน “จอใหญ่จบครบทุกความบันเทิง” จริง ๆ
ซึ่งจากอัตราส่วนแบบ 16:10 นั้นก็รู้แล้วว่ารุ่นนี้ตั้งใจมาเพื่อให้ได้ความบันเทิงเต็มที่ เพราะเวลาเราดูหนังหรือคอนเทนต์แนวนอนจะได้เต็มจอเหลือขอบดำเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งความละเอียดของ Redmi Pad Pro ให้มาก็มากถึง 2.5K รองรับ Dolby Vision และมีความสว่างสูงสุดที่ 600nits อีกด้วย
ส่วนการควบคุมก็ทำได้ดีเพราะมี Refresh rate สูงสุด 120Hz แบบ AdaptiveSync เหมือนรุ่นพี่คือปรับขึ้น-ลงได้ถึง 6 ระดับ 30/48/50/60/90/120Hz กันเลย อีกทั้งยังมีมาตรฐานความปลอดภัยต่อสายตาถึง 3 หมวดจาก TÜV Rheinland ประกอบด้วย
- TÜV Rheinland Low Blue Light (Hardware Solution)
- TÜV Rheinland Flicker Free Certified
- TÜV Rheinland Circadian Friendly Certified
บอดี้โลหะ งานประกอบยอดเยี่ยม
อย่างที่บอกว่า Redmi Pad Pro นั้นจัดเป็นแท็บเล็ตตัวท็อปของ Redmi แล้ว เพราะฉะนั้นงานประกอบก็ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นไหน ๆ มาพร้อมดีไซน์ Metal unibody ฝาหลังโลหะทั้งชิ้น ให้ความรู้สึกเรียบเนียนเมื่อสัมผัสและให้รูปลักษณ์ระดับพรีเมียม
ตัวเครื่องมาพร้อมความบาง 7.52 มม.และน้ำหนักจะอยู่ที่ 571 กรัม ใกล้เคียงกับรุ่นพี่ Xiaomi Pad 6S Pro ซึ่งเป็นขนาดและน้ำหนักที่ดีในระดับหน้าจอ 12″ แล้วล่ะครับ
ดีไซน์กล้องของ Redmi Pad Pro จะมาแบบ Dual-Ring ที่ซ่อนเสาอากาศไว้ภายในเพื่อให้รูปลักษณ์ภายนอกมีความเรียบหนูและไร้รอยต่อมากขึ้นนั่นเอง
ตำแหน่งปุ่มกดมาตรฐาน
ตำแหน่งปุ่มกดก็จะวางไว้ตามมาตรฐานของแท็บเล็ต Xiaomi วางตำแหน่งให้เรากดได้อย่างสะดวกทั้งแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งที่ปุ่ม Power นี้จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้ปลดล็อคตัวเครื่องได้เหมือนกันครับ
ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C พร้อมช่องหูฟัง 3.5 มม.ที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นบนแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ กันแล้วด้วย พร้อมกันนี้ยังมีลำโพงและไมโคร อยู่ล้อมรอบด้วย
นอกจากจะได้ช่องหูฟังที่ไม่ค่อยได้เห็นกันแล้ว Redmi Pad Pro ก็ยังมีช่องใส่หน่วยความจำภายนอก ให้เราได้เพิ่ม microSD สูงสุดอีก 2TB ด้วย ทีนี้จะใช้งานเยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวเม็มเต็มแล้วล่ะ
ลำโพงจัดเต็ม 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos ด้วย
ส่วนเรื่องเสียง Redmi Pad Pro ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะรุ่นนี้ได้ลำโพงมา 4 ตัวบน-ล่างรวมกัน ให้เราได้ยินเสียงแบบ Stereo คุณภาพดี แถมยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos เหมือนรุ่นพี่ด้วย
พอได้ Dolby Atmos จับคู่กับ Dolby Vision ก็ทำให้ Redmi Pad Pro นําเสนอประสบการณ์ระดับภาพยนตร์ที่น่าทึ่งตั้งแต่คุณภาพเสียงและภาพที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Redmi Pad Pro ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 12.1″ เต็มตาบนอัตราส่วน 16:10 ดูหนัง เล่นเกมฟิน ๆ มีลำโพง 4 ตัวให้เสียงจัดหนัก แถมยังรองรับทั้ง Dolby Vision และ Dolby Atmos เหมือนมีโรงหนังพกพากันเลย และที่ขาดไม่ได้คืองานประกอบที่หรูหราไม่แพ้รุ่นแพ้ ๆ เสริมให้อยากหยิบถือมาใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ
อุปกรณ์เสริมก็เพียบไม่แพ้กัน
เห็นรุ่นพี่ Xiaomi Pad 6S Pro มีอุปกรณ์เสริมแบบเพียบ รุ่นน้อง Redmi Pad Pro ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน เพราะมีมาให้ใช้งานครบทั้ง 3 อย่างเหมือนกัน ทั้ง ปากกา Redmi Smart Pen, เคสฝาพับ Redmi Pad Pro และ เคสคีย์บอร์ด Redmi Pad Pro Keyboard แต่จะมีรายละเอียดของตัวโปรดักส์ที่แตกต่างกันไปดังนี้ครับ
Redmi Smart Pen
เริ่มที่ตัวปากกาก่อนเลย Redmi Smart Pen จะมาในสีขาวเรียบง่าย พร้อมปุ่มกด 2 ปุ่มแบบที่เราคุ้นเคยในปากกา Stylus ของ Xiaomi นั่นแหละครับ
แต่ความแตกต่างก็คือตัว Redmi Smart Pen จะไม่มีแถบแม่เหล็กให้แปะ ไม่สามารถแปะเชื่อมต่อหรือชาร์จที่ตัวเครื่องได้ แต่การเชื่อมต่อก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรครับ แค่กดปุ่มบนปากกาค้างไว้ให้ไฟติด และนำมาใกล้ ๆ Redmi Pad Pro ก็จะมี Pop-up ขึ้นมาให้เราได้แตะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แล้ว
ส่วนวิธีชาร์จก็เป็นการเสียบสายผ่านพอร์ต USB-C ที่ตัวเครื่องแทน อาจจะไม่ได้สะดวกเท่ากับระบบชาร์จไร้สาย แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะใช้ที่ชาร์จชุดเดียวกับแท็บเล็ตได้เลยนั่นเอง
การใช้งาน Redmi Smart Pen ก็ทำได้ดีเลยครับ ตัวปากการองรับแรงกด 4096 ระดับ แถมความหน่วงต่ำแค่ 10ms ใช้ขีดเขียน หรือสเก็ชภาพต่าง ๆ โอเคเลย มีปุ่มกดมาให้เลือกเข้าแอป Mi Canvas ด่วน ๆ หรือแคปหน้าจอบางส่วนได้แบบคล่องตัวเหมือนกันด้วย
Redmi Pad Pro Cover
ต่อมาเป็นเคสฝาพับที่ใช้ปกป้องตัวเครื่อง อันนี้รูปทรงจะดูมาตรฐานกว่าของ Xiaomi Pad 6S Pro นิดหน่อย ไม่ได้มีลูกเล่นกันพับที่หลากหลาย ที่ด้านหน้าจะเป็นรอยพับแบบ 3 ทบ เพื่อตั้งตัวเครื่องขึ้นมาได้ 2 ระดับความสูงในแนวนอนครับ
ส่วนวิธีการใส่ก็จะเป็นการประกบเข้ากับตัวเครื่อง มีมุมเคสที่คอยล็อกเข้ากับตัวเครื่อง ไม่ใช่แบบแม่เหล็กแปะได้เลยเนาะ ส่วนที่เก็บปากกา เนื่องจากรุ่นนี้ไม่สามารถแปะปากกาเข้าไปที่ตัวเครื่องได้ Xiaomi เลยแถมที่เก็บปากกาแยกมาที่ตัวเคสด้วย
วิธีใส่ก็ให้วางไว้ในช่องและเอาตัวเครื่องประกบทับเข้าไปเลย แน่นหนาไม่หลุดแน่นอนล่ะแบบนี้ และตัวปากกาก็จะคับพอดีกับที่ใส่ ทำให้พกติดเคสไปได้ด้วยเลย ไม่ต้องเก็บแยกให้วุ่นวาย
Redmi Pad Pro Keyboard
และปิดท้ายที่เคสคีย์บอร์ด รูปแบบยังคงเป็นการเอาตัวเครื่องประกบเข้ากับเคสและล็อกที่มุมเหมือนเดิม ตัวเคสจะเป็นคีย์บอร์ด Bluetooth ที่เมื่อเราเปิดใช้งานและเอาตัวเครื่องมาใกล้ ๆ ก็จะมี Pop-up เด้งถามว่าจะเชื่อมต่อเลยไหม เหมือนกับ Redmi Smart Pen นั่นแหละครับ
ตัวคีย์บอร์ดจะวางตำแหน่งได้ดีครับ ขนาดของปุ่มใหญ่ 16 x 16 มม.เท่ากับของ Xiaomi Pad เลย เพียงแต่ตัวเคสจะไม่มีปุ่มฟังก์ชั่นและ Touchpad มาให้ด้วย ซึ่งเราว่าถ้าต้องการใช้งานแค่พิมพ์ให้คล่องขึ้น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ตัวองศาของเคสจะมีมาให้เลือกแค่ระดับเดียวอาจจะเหมาะกับการใช้งานบนโต๊ะมากกว่าบนตักถ้ารวมร่างกันแล้ว แต่ความได้เปรียบของคีย์บอร์ดแบบ Bluetooth ก็คือ เราสามารถแยกร่างออกมาใช้งานได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องรวมกันอยู่ที่เคสเท่านั้นครับ
แต่ข้อจำกัดก็มีเหมือนกันคือตัวเคสจะไม่ได้ใช้ไฟจากตัวเครื่อง Redmi Pad Pro โดยตรง ทำให้เราอาจจะต้องมาคอยชาร์จแบตฯหลังใช้งานไปนาน ๆ แต่แบตเตอรี่ก็ให้มาเยอะถึง 210mAh แล้ว ใช้งานจริงจังได้ราว 59 ชม.เลยทีเดียวล่ะ
ที่เก็บปากกายังมีแยกมาให้เหมือนเดิม เราสามารถแปะเข้าไปที่ตัวเคสและเอาเครื่อง Redmi Pad Pro ทับเข้าไปได้เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาเรื่องปากกาหลุดหล่นแล้วเหมือนกันเคสตัวนี้
ในส่วนของอุปกรณ์เสริมของ Redmi Pad Pro ก็อย่างที่เห็นครับ มีให้เลือกใช้ครบไม่แพ้รุ่นพี่ Xiaomi Pad 6S Pro เลย ถึงแม้รูปแบบและการใช้งานจะต่างไปบ้าง แต่ก็ใช้กับงานทั้งวาด เขียน หรือพิมพ์ได้ดีอยู่ไม่น้อย เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าอย่างเรา ๆ ที่มีอุปกรณ์เสริมให้ใช้ด้วยหลากหลาย
ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 2 ตัวกลางที่ตอบโจทย์ทุกความบันเทิง
สำหรับสเปค Redmi Pad Pro ก็ได้ชิป Snapdragon 7s Gen 2 มาครับ อย่างที่บอกว่าเป็นกลุ่มระดับกลาง แต่ก็ตอบโจทย์ทุกความบันเทิงดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือดูคอนเทนต์ความละเอียดสูง ส่วนเรื่องความจุก็มีให้เลือก 2 แบบคือ 6GB+128GB กับ 8GB+256GB ใช้งานได้สบาย ๆ เพราะถ้าไม่พอจริง ๆ ก็ยังเพิ่มจาก microSD ได้อีกสูงสุด 2TB ด้วย
คะแนน Benchmark ของชิป Snapdragon 7s Gen 2 ก็เพียงพอต่อเกมหรือการทำงานระดับกลางค่อนสูงได้แล้วล่ะครับ แบ่งเป็น
- AnTuTu Benchmark v10 = 607516 คะแนน
- Geekbench 6 = Single-Core 1031 | Multi-Core 2976
อย่างที่บอกว่าสเปคนี้การเล่นเกมระดับกลางนั้นเอาอยู่สบาย ๆ เราลองเล่น Asphalt 9 ก็ปรับกราฟิกได้สูงสุดพร้อม 60fps ได้ ในเกมก็ภาพสวย ไม่มีอาการกระตุก ความได้เปรียบเรื่องหน้าจอใหญ่และลำโพงแน่น ๆ ยิ่งทำให้ถูกใจเข้าไปใหญ่ครับ
แบตเตอรี่ 10,000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 33W
และเรื่องแบตเตอรี่ Redmi Pad Pro ได้แบตฯมาเยอะ 10,000mAh เท่ากับรุ่นพี่เลย แถมสเปคที่ใช้ก็ไม่ได้กอนพลังงานมากมายอะไร Xiaomi เคลมว่าสามารถสแตนบายด์ได้นานถึง 33.9 วันเลยทีเดียว เท่าที่เราใช้งานก็ถือว่าอึดใช้ได้เลยล่ะครับแบตเตอรี่ของรุ่นนี้
ส่วนระบบชาร์จก็ลดทอนลงมาจากรุ่นพี่ ได้ชาร์จเร็ว 33W Fast Charging ที่ก็ยังเอาอยู่ถ้าเราใช้งานแบบหนักหน่วงจนแบตฯใกล้หมด ชาร์จไว้สักพักก็พอให้ได้แบตฯกลับมาบันเทิงกันต่อได้แล้วครับ
ในเรื่องประสิทธิภาพของ Redmi Pad Pro ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับเป็นแท็บเล็ตจอใหญ่เพื่อความบันเทิงอย่างแท้จริง เพราะทั้งได้หน้าจอใหญ่ 12.1″ เต็มตา มีชิป Snapdragon 7s Gen 2 ที่ยังไหวในหลายสถานการณ์จะเล่นเกม หรือทำงานหนัก ๆ ก็สบายมาก มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่พอที่จะเพลิดเพลินในคอนเทนต์ได้อย่างดี
ใช้ Xiaomi HyperOS ล่าสุดเหมือนกัน
สำหรับระบบปฏิบัติการ Redmi Pad Pro ก็จะได้เป็น Xiaomi HyperOS ที่ครอบทับมาบน Android 14 มาเหมือนกับ Xiaomi Pad 6S Pro เลย ทำให้ความลื่นไหลและการปรับแต่งต่าง ๆ นั้นทำได้แทบจะเหมือนกันหมด ทั้งการทำงานหลายแอปบนหน้าจอเดียว แอปที่ปรับมาในไซซ์แท็บเล็ต เป็นต้น
สรุปแล้ว “นี่คือแท็บเล็ตจอใหญ่ จบครบทุกความบันเทิงในงบสบายกระเป๋า”
สรุปแล้ว Redmi Pad Pro ก็ถือเป็นแท็บเล็ตจอใหญ่ ที่ให้คุณจบครบทุกความบันเทิงได้ในราคาสบายกระเป๋า เพราะได้ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 12.1″ ความละเอียด 2.5K เต็มตา และลื่นไหล ได้ลำโพง 4 ตัวเสียงแน่น ๆ มีสเปคที่พร้อมใช้งานทั้งการเล่นเกม ตัดต่อคลิป ทำงานหนัก ๆ ได้พอดี แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 33W นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่างปากกา Redmi Smart Pen, Redmi Pad Pro Cover รวมถึง Redmi Pad Pro Keyboard ให้เลือกใช้งานด้วย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในราคาไม่ถึง 11,000 บาท ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงแบบจอใหญ่ในราคาไม่สูงจนเกินไป เราว่า Redmi Pad Pro รุ่นนี้เหมาะสมสุด ๆ เลยล่ะ!
ก็ถือว่าเป็น 2 แท็บเล็ตจอใหญ่ รุ่นใหม่ ที่มีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน อย่างรุ่น Xiaomi Pad 6S Pro จะเป็นกลุ่มเรือธงที่เน้นสเปคแรงที่สุดจาก Xiaomi รองรับอุปกรณ์เสริมที่ดีที่สุด ในขณะที่ Redmi Pad Pro จะเป็นกลุ่มรองลงมาเน้นความบันเทิงเป็นหลักในราคาไม่สูงมากนัก แต่ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน ก็ยังได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจาก Xiaomi ทั้งคู่ ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็คุ้มแน่นอนครับ!