Connect with us

Smart Review

รีวิว Xiaomi Smart Band 9 สายรัดข้อมืออัจฉริยะรุ่นใหม่ สวยขึ้น แบตอึดนานสุด 21 วัน พร้อมหูฟัง OpenWear Stereo และ Buds 5 สวมใส่สบาย ไดรเวอร์ใหญ่ ระบบเสียงจัดเต็ม

Published

on

เรื่องของเสริมของ Xiaomi เรียกว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของแบรนด์เลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งปีนี้ Xiaomi ได้เปิดตัวกันมาหลายอย่างที่เราจะมารีวิวกันแบบครบๆ ในบทความเดียวกันไปเลย ตั้งแต่ Xiaomi Smart Band 9 สายรัดข้อมืออัจฉริยะรุ่นใหม่ พร้อมกับ Xiaomi OpenWear Stereo และ Buds 5 หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ ดีไซน์พรีเมียมขึ้น และเทคโนโลยีการเล่นเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ แต่ก่อนอื่น เราขอเริ่มกันด้วย Smart Band 9 กันก่อนเลย !

สรุปสเปค Xiaomi Smart Band 9

  • ขนาดตัวเรือน : 46.53 x 21.63 x 10.95 มม.
  • น้ำหนัก (ไม่รวมสาย) : 15.8 กรัม
  • หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส AMOLED ขนาด 1.62 นิ้ว ความละเอียด 490 x 192 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 60Hz ความสว่างสูงสุด 1200 นิต และ Always on Display (AOD)
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Android 8.0 หรือ iOS 12 ขึ้นไป
  • กันน้ำระดับ 5ATM (แรงดันน้ำที่ระดับ 50 เมตร)
  • แบตเตอรี่ความจุ 233mAh

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเรือน Xiaomi Smart Band 9 พร้อมสายรัด
  • สายชาร์จแม่เหล็ก
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

ดีไซน์สวย พรีเมียมขึ้น พร้อมเฟรมโลหะแบบทั้งชิ้น

ความสวยงามของสายรัดข้อมืออัจฉริยะของ Xiaomi ได้ความพรีเมียมมากขึ้นและสวยงามขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งปีนี้อย่าง Xiaomi Smart Band 9 ก็ได้ความพรีเมียมในตัววัสดุมากขึ้นเช่นกัน โดยที่ขอบตัวเรือนจะเป็นโลหะที่ครอบไปทั้งชิ้น แบบ Unibody พร้อมกับสีสันต่างๆ ที่มีความสดใสและสวยงามมากขึ้นด้วย

สีของขอบเฟรมตัวเรือนจะต่างกันไปในแต่ละที่มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black, สีเงิน Glacier Silver, สีโรส Mystic Rose และฟ้า Arctic Blue

ทั้งนี้ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่สายรัดข้อมืออัจฉริยะ Xiaomi ได้ใช้เฟรมอะลูมิเนียมอัลลอยหลายสีสันอีกด้วยครับ ทำให้มีตัวเลือกการใช้งานในหลากหลายสไตล์มากกว่าเดิมนั่นเอง

ความบางของตัวเรือนใน Xiaomi Smart Band 9 ก็ยังคงบางลงกว่าเดิม อยู่ที่ 10.95 มม. ทั้งยังมีน้ำหนักที่เบามากๆ ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็สามารถใส่ได้แบบไม่รู้สึกหนักข้อมือเลย

สายรัดหลากสไตล์ แปลงให้เป็นอุปกรณ์แฟชั่นได้เลย !

ความพิเศษของ Xiaomi Smart Band 9 คือสายรัดที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบมากๆ พร้อมด้วยวัสดุที่หลากหลายแบบเฉพาะตัว ทำให้ปรับเข้ากับรสนิยมส่วนตัวได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว

ส่วนสายที่แถมมาให้ในกล้องจะเป็นแบบ TPU ขนาด 135 – 210 มม. ที่มีความแข็งแรงและทนทานมากๆ แล้วครับ

การเปลี่ยนสายรัดก็ทำได้ง่ายๆ ด้วย เพราะมีมีกลไกแบบปลดเร็ว เพียงแค่กดเบาๆ ก็หลุดออกมาแล้ว ขณะที่ใส่กลับเข้าไปก็ยังคงแน่นหนา ไม่หลุดง่ายๆ แถมสายรัดจากรุ่นก่อนหน้าก็ยังใช้ได้ด้วยครับ

กันน้ำมาตรฐาน 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้สบาย

เรื่องกันน้ำระดับ 5ATM ยังคงจัดเต็มมาให้เหมือนเดิม ให้เราได้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ โดยมาตรฐานนี้สามารถดำลึกได้ลึกสูงสุดถึง 50 เมตร ทำให้เราใส่ว่ายน้ำ อาบน้ำ หรือใช้ระหว่างตอนที่ฝนตกได้แบบไม่ต้องกังวลเลยครับ

หน้าจอ AMOLED สดใส 1.62″ และสว่างสุด 1200 นิต สู้แดดได้ดีขึ้น

หน้าจอของ Xiaomi Smart Band 9 มีการอัปเกรดขึ้นมาในเรื่องความสว่างที่ทำได้สูงสุถึง 1200 นิต ทำให้เราสามารถใช้งานกลางแจ้งได้ชัดเจนมากขึ้น และไม่จำเป็นต้องหลบใต้ร่มเพื่อดูหน้าจออีกต่อไปแล้วครับ ทั้งนี้ เราก็ยังสามารถเลือกเปิดการปรับแสงอัตโนมัติตามสถานการณ์ได้เพื่อการประหยัดพลังงานครับ โดยในรุ่นนี้ก็มีการอัปเกรดเซ็นเซอร์การตรวจจับแสงที่แม่นยำมากขึ้นด้วย

เรื่องของขนาดหน้าจอจะอยู่ที่ 1.62 นิ้ว พาเนลแบบ AMOLED ที่ได้ความสดใสของหน้าจอแบบจัดเต็ม พร้อมแสดงผลข้อมูลได้เยอะอีกด้วยครับ ส่วนความละเอียดจะอยู่ที่ 490 x 192 พิกเซล ที่เป็นความคมชัดที่สูงพอสมควรสำหรับหน้าจอขนาด 1.62 นิ้วครับ

รองรับ Always On Display ใช้งานได้สะดวกขึ้น

นอกจากหน้าจอที่สว่างแล้ว ด้วยความที่เป็นพาเนลแบบ AMOLED ก็รองรับฟีเจอร์ Always On Display ที่สามารถแสดงข้อมูลนาฬิกาแบบตลอดเวลาได้เพื่อให้เราไม่จำเป็นต้องยกตัวเรือนขึ้นมาดู แค่ชำเลืองมองก็เห็นเวลาได้เลยทันที

เชื่อมต่อง่ายๆ ผ่านแอป Mi Fitness

การใช้งานแบบเต็มของ Xiaomi Smart Band 9 จำต้องโหลดแอปพลิเคชั่น Mi Fitness เข้ามาไว้บนสมาร์ทโฟน ซึ่งรองรับทั้งรุ่นที่ใช้ Android 8 หรือ iOS 12 ขึ้นไปครับ โดยการเชื่อมก็สามารถสแกน QR Code ด้วยสมาร์ทโฟนบนหน้าจอของ Smart Band 9 ได้เลย จากนั้นก็ใส่ข้อมูลผู้ใช้งานตามขั้นตอนได้เลยครับ

หน้าปัดกว่า 200 แบบ ปรับแต่งได้เต็มที่ !

หน้าปัดของ Xiaomi Smart Band 9 จัดมาให้เลือกมากกว่า 200 รูปแบบเลยทีเดียวครับ สามารถเข้าไปเชื่อมต่อและเลือกใช้งานได้ผ่านแอป Mi Fitness ได้เลย ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับสไตล์ของเราในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นการตั้งภาพพื้นหลังจากแกลเลอรีของเราก็ได้อีกด้วยนะ

ฟีเจอร์ด้านสุขภาพแบบจัดเต็มและแม่นยำมากขึ้น

Xiaomi Smart Band 9 ยังคงมีการพัฒนาในเรื่องเซ็นเซอร์เรื่องสุขภาพที่อัปเกรดใหม่เพื่อให้แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการวัดเซ็นเซอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจและอื่นๆ อีกเพียบ
ตรวจสอบการนอนหลับรอบด้านที่อัปเกรดใหม่

การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ

ในรุ่นนี้มาพร้อมการอัปเกรดเรื่องการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจที่ปรับเซ็นเซอร์ใหม่ให้มีวคามแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังสามารถตั้งค่าให้มีการมอนิเตอร์หัวใจตลอดเวลาได้เช่นกันครับ

ทั้งนี้ ก็ยังตั้งการแจ้งเตือนเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจนั้นสูงหรือต่ำมากเกินไปให้เราได้ทราบกันแบบเรียลไทม์ด้วย

การวัด SpO2 ที่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับ SpO2 หรือการวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดก็ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถเลือกเปิดใช้งานติดตามค่านี้ได้ตลอดทั้งวัน หรือปิดไว้ก็ได้ตามความต้องการครับ ซึ่งค่าที่ได้แนะนำว่าควรอยู่ไม่ต่ำกว่า 90% ครับ

วัดระดับความเครียดได้หลายระดับ

แม้ว่าเราจะไม่ได้มีความเครียดในตอนใช้งาน แต่เราอาจจะไม่ทราบว่าภายในร่างกายของเรานั้นเป็นยังไงบ้าง ดังนั้น เราก็สามารถใช้งาน Xiaomi Smart Band 9 เพื่อวัดระดับความเครียดได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะออกมาเป็นคะแนนระหว่าง 1-100 แต้มที่มีช่วงความเครียดที่ต่างกันออกไป ตามนี้เลย !

  • 1 – 25 คะแนน : ผ่อนคลาย
  • 26 – 50 คะแนน : อ่อน
  • 51 – 80 คะแนน : ปานกลาง
  • 81 – 100 คะแนน : รุนแรง

และใครที่วัดออกมาได้ความเครียดที่สูงเกินไป ก็สามารถใช้ฟีเจอร์การฝึกหายใจเพื่อฝึกหายใจลึกๆ และเป็นจังหวะได้ โดยมีให้เลือกการฝึกตั้งแต่ 1 นาที ไปจนถึง 5 นาที ซึ่งการหายใจจะมี 7 จังหวะต่อ 1 นาทีเพื่อเพิ่มความผ่อนคลายให้ร่างกายได้เป็นอย่างดีครับ

รองรับการออกกำลังกายมากกว่า 150 โหมด

จบด้านการตรวจวัดสุขภาพไปแล้ว ก็มาถึงฝั่งของการดูแลสุขภาพกันบ้าง โดย Xiaomi Smart Band 9 รองรับโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 150 โหมดชนิดกีฬา ซึ่งมีตั้งแต่แบบปกติ คือ การเดิน วิ่งกลางแจ้ง วิ่งในร่ม ฟรีสไตล์ ปั่นจักรยาน และอื่นๆ

ทั้งนี้ ก็ยังมีให้เลือกประเภทกีฬาอื่นที่แยกออกไปด้วย เช่น กีฬาทางน้ำ กิจกรรมกลางแจ้ง การฝึกร่างกาย และอื่นๆ อีกมากมายครับ

โดยการตรวจวัดระหว่างการออกกำลังกายจะมีการติดตามค่าต่างๆ ที่มีความแม่นยำมากขึ้นด้วยเซ็นเซอร์ใหม่ และแต่ละชนิดกีฬาก็จะวัดค่าที่ต่างกันออกไปตามความเหมาะสมครับ

แบตเตอรี่อึดขึ้น ใช้ได้นานสูงสุด 21 วัน

เรื่องของแบตเตอรี่ใน Xiaomi Smart Band 9 ก็มีการเพิ่มความจุที่สูงขึ้นกว่าเดิม โดยให้มาที่ 233mAh ทำให้ใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม หากเราใช้งานทั่วไปจะอยู่ได้นานสูงสุดถึง 21 วันต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว หรือหากใช้ฟีเจอร์ AOD ไปด้วยก็สามารถอยู่ได้นานถึง 9 วัน หรือใครที่ใช้ฟีเจอร์จัดเต็ม ทั้งออกกำลังกาย และเซ็นเซอร์ต่างๆ จะอยู่ได้นานถึง 6.6 วัน

สรุปการใช้งาน Xiaomi Smart Band 9

หากมองหาสายรัดอัจฉริยะ Xiaomi Smart Band 9 เป็นตัวเลือกแรกในการเป็นเจ้าของแน่นอนครับ ด้วยความสวยงามของดีไซน์ที่ปรับแต่งมาให้ เซ็นเซอร์ในการใช้งานใหม่ รวมถึงแบตเตอรี่ที่อึดมากขึ้นใช้งานได้มากกว่าครึ่งเดือน และยังได้หน้าจอดสดงผลที่สวยงามแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.62 นิ้ว ทัชได้ไหลลื่น ติดนิ้วมากๆ ด้วย ที่สำคัญยังสามารถปรับแต่งให้จากที่เป็นเพียงสายรัดกลายเป็นอุปกรณ์แฟชั่นได้อย่างดีอีกด้วย

ราคา Xiaomi Smart Band 9

Xiaomi Smart Band 9 วางจำหน่ายในราคาเพียง 1,190 บาท

รีวิว Xiaomi Openwear Stereo

มาต่อกันกับหูฟังรุ่นใหม่ อย่าง Xiaomi Openwear Stereo หูฟังในดีไซน์โอเพนเอียร์ พร้อมให้ใส่สบายตลอดวัน ดีไซน์พรีเมียม สวยงาม และแบตเตอรี่อึด ใช้งานได้สูงสุดกว่า 38.5 ชั่วโมง

สรุปสเปค Xiaomi Openwear Stereo

  • ขนาดตัวเคส : 105.8 x 55.4 x 26.1 มม.
  • น้ำหนักตัวเคส : 68.78 กรัม
  • ขนาดหูฟัง (ข้างละ) : 54.24mm x 39.3 x 13.79 มม.
  • น้ำหนักหูฟัง (ข้างละ) : 9.6 กรัม
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.3
  • ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
  • ขนาดไดเวอร์ไดนามิก : 17×12 มม.
  • คลื่นความถี่ : 20Hz – 40kHz
  • กันน้ำ/ฝุ่น (หูฟัง) : IP54
  • แบตเตอรี่ (หูฟังข้างละ) : 60mAh
  • แบตเตอรี่ (เคส) : 780mAh
  • การชาร์จ (เคส) : USB Type-C

อุปกรณ์ภายในกล่อง Xiaomi Openwear Stereo

  • เคสชาร์จพร้อมหูฟัง Xiaomi Openwear Stereo
  • สาย USB Type-C
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • ใบรับประกันสินค้า

เคสชาร์จวัสดุผ้าระดับพรีเมียม

ความสวยงามของ Xiaomi Openwear Stereo เริ่มตั้งแต่ตัวเคสมีใช้เป็นวัสดุผ้าทั้งบนด้านหน้าและด้านหลังเลย ทำให้ป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ดีมากๆ น้ำหนักเบา และยังไม่เลอะคราบรอยนิ้วมือด้วยครับ

ดีไซน์ความสบายเหนือระดับ

เปิดออกมาจะเจอกับตัวหูฟัง Xiaomi Openwear Stereo ที่เป็นแบบดีไซน์ Open Ear ทำให้สวมใส่ได้สะดวกและสบายหูมากๆ โดยตัววัสดุภายในที่ใช้งานจะเป็นลวด Nickel-Titanium Memory Alloy (เมมโมรีอัลลอยนิกเกิลไทเทเนียม) ได้ความยืดหยุ่น แข็งแรง ทนทาน และที่สำคัญคือกันลื่นเวลาสวมใส่อีกด้วย

สำหรับความแข็งแรงและความทนทานของหูฟังรุ่นนี้ได้รับการทดสอบเรื่องการบิดและงอกว่า 5,000 ครั้ง ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าตลอดการใช้งานนานๆ จะไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นแน่นอนครับ

นอกจากตัวก้านแล้ว ส่วนของหัวหูฟังที่เป็น Open Ear ทำให้เราใส่ได้สบายดู ไม่รู้สึกหรือความแน่นหรือไม่สบายเวลาใช้งานครับ ตรงจุดนี้เองทำให้ดีไซน์แบบ Open Ear เป็นข้อดีมากกว่าแบบ In Ear แถมการออกแบบก็ยังทำให้มีความกระชับใบหู ไม่หลุดง่าย แม้เดินหรือวิ่งก็ตาม

ที่สำคัญตัวหูฟังแต่ละข้างก็มีน้ำหนักที่เบาเพียง 9.6 กรัมเท่านั้น ถือว่าเบาและพร้อมให้เราสวมใส่ (ที่แทบเหมือนไม่ได้ใส่) ทั้งวันจริงๆ

เชื่อมต่อและตั้งค่าได้มากขึ้นด้วยแอป Xiaomi Earbuds

ในการเชื่อมต่อและการใช้งานที่ตั้งค่าเรื่องระบบเสียงก็สามารถใช้แอปพลิเคชั่น Xiaomi Earbuds ที่ดาวน์โหลดได้ผ่าน Google Play หรือบน iOS 14 ขึ้นไปครับ โดยหลังการติดตั้งแอปแล้ว ก็สามารถปรับแต่ง ควบคุมระบบสัมผัสต่างๆ ได้ทั้งหมดในแอปเดียวเลย

สำหรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัสจะมีดังนี้

  • แตะ 1 ครั้งหรือกดค้างที่ข้างซ้าย/ขวา : ตั้งค่าผู้ช่วยเสียง* ถ่ายภาพ* และฟังก์ชันที่มีประโยชน์อื่นๆ
  • แตะ 2 ครั้งที่ข้างซ้ายหรือขวา : เล่น/หยุดเพลง หรือ รับสาย/วางสาย
  • แตะ 3 ครั้งที่ข้างซ้ายหรือขวา : เพลงถัดไป หรือ ปฏิเสธสายเข้า

ฟังเพลงผ่านระบบ Hi-Res Audio และไดรเวอร์ขนาดใหญ่

Xiaomi Openwear Stereo มาพร้อมกับระบบเสียงภายในที่จัดเต็มแบบ Hi-Res Audio มีไดรเวอร์ไดนามิกขนาดใหญ่ 17×12 มม. เบสค่อนข้างแน่น ใครที่ชอบเสียงกระแทบแบบเร้าใจ ต้องลองด้วยตัวเองเลยครับ !

ทั้งนี้ก็ยังได้เสียงที่มีมิติมากๆ Codec ความละเอียดสูง LHDC รองรับสูงสุดถึงเสียงความคมชัดสูงถึง 96kHz และยังได้มาตรฐานระดับทองสำหรับใบรับรอง Hi-Res Audio Wireless ที่ยังคงได้เสียงเต็มอรรสรถแม้เป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สาย

เวลาที่เราฟังเพลงดังๆ ก็ยังมีไดรเวอร์ลดเสียงรั่วไหลขนาด 10 มม. เพื่อช่วยเก็บเสียงไม่ให้รั่วไหลเกินระยะ 25 เซนติเมตรได้ครับ

ปรับระบบเสียงที่ฟังได้ตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์

ความฉลาดของหูฟัง Xiaomi Openwear Stereo คือการรับรู้สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ตามสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งานเลยครับ ซึ่งทำได้แบบเรียลไทม์เลยด้วย โดยจะมีหลักๆ 3 แบบ ดังนี้

  • ข้างนอก : ดึงเสียงภายนอกเข้ามาเพื่อให้รับรู้เสียงจากสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์เพื่อให้มีความปลอดภัยในสภาพที่แออัดหรือบนถนน
  • ออฟฟิศ : สามารถหรี่เสียงลงเพื่อไม่ให้เราพลาดข้อมูลหรือการพูดคุยในออฟฟิศได้ทันที
  • ชีวิตประจำวัน : เป็นการฟังเพลงหรือการใช้งานแบบทั่วไป

ไมโครโฟน 2 ตัว สนทนาได้อย่างชัดเจน

ในการใช้งานหูฟัง Xiaomi Openwear Stereo มาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัวเพื่อใช้ในการตัดเสียงรบกวนระหว่างการสนทนาออกไปครับ ซึ่งจากที่ทดสอบถือว่าใช้งานได้เป็นอย่างดี เสียงลมหรือเสียงพูดคุยรอบข้างลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เสียงพูดก็ถูกตรวจจับได้แม่นยำ ทำให้คู่สนทนาได้ยินเสียงขอวเราชัดเจนขึ้นด้วย

แบตเตอรี่สุดอึด ชาร์จครั้งเดียวใช้ได้เกินครึ่งวัน

Xiaomi Openwear Stereo มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีความอึดมากต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยสามารถใช้งานได้นานสุด 7.5 ชั่วโมง หรือหากมีเคสชาร์จที่ชาร์จเต็มๆ จะทำให้ใช้งานได้รวมถึง 38.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว

สรุปการใช้งาน Xiaomi Openwear Stereo

Xiaomi Openwear Stereo นับว่าเป็นหูฟังแบบโอเพนเอียร์ที่ใส่ได้สบายหูมากจริงๆ ด้วยดีไซน์ที่ทำออกมาให้แบบไม่ต้องใส่เข้าไปในหูเลย น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นการออกแบบที่สบายหูมาก แถมยังคงได้เสียงที่จัดเต็ม เสียงมีมิติด้วยระบบเสียง Hi-Res Audio คุณภาพของเบสก็แน่นพอสมควรเลย ถูกใจคนฟังเพลงบ่อยๆ แน่นอน ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็อึดและทนมาก ชาร์จครั้งเดียวก็ใช้ได้ต่อเป็นวันๆ แล้วครับ

ราคา Xiaomi Openwear Stereo

Xiaomi Openwear Stereo วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในราคา 4,590 บาท พิเศษ ! สำหรับผู้ที่ซื้อตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 2567 จะได้ราคาพิเศษเหลือเพียง 3,990 บาท

Xiaomi Buds 5

มาต่อกันด้วยรีวิว Xiaomi Buds 5 หูฟังรุ่นใหม่เสียงใส ใส่สบายหู ได้ความสวยงามของก้านและภาพรวมของหูฟังมากขึ้น รวมถึงมีฟังก์ชันในการใช้งานที่จัดเต็มเพื่อความสะดวกในการใช้งานที่นอกเหนือจากการฟังเพลงทั่วไปด้วยครับ

สรุปสเปค Xiaomi Buds 5

  • ขนาดตัวเคส : 53.9 x 53.2 x 24.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวเคส : 36.6 กรัม
  • ขนาดหูฟัง (ข้างละ) : 30 x 20.16 x 17.18 กรัม
  • น้ำหนักหูฟัง (ข้างละ) : 4.2 กรัม
  • การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.4
  • ระยะการเชื่อมต่อ : สูงสุด 10 เมตร
  • ขนาดไดเวอร์ไดนามิก : 11 มม.
  • คลื่นความถี่ : 16Hz – 40kHz
  • กันน้ำ/ฝุ่น (หูฟัง) : IP54
  • แบตเตอรี่ (หูฟังข้างละ) : 35mAh
  • แบตเตอรี่ (เคส) : 480mAh
  • การชาร์จ (เคส) : USB Type-C

อุปกรณ์ภายในกล่อง Xiaomi Buds 5

  • เคสชาร์จพร้อมหูฟัง Xiaomi Buds 5
  • สาย USB Type-C
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • ใบรับประกันสินค้า

ดีไซน์หรูหราและพราเมียมมากขึ้นชัดเจน !

การอัปเกรดที่เราเห็นอย่างแรกเลยคือความสวยงามของตัวเคสที่มีความพรีเมียมขึ้นจริงๆ มีผิววัสดุแบบด้าน สวยงามเลย โดย Xiaomi Buds 5 มีให้เลือกมา 3 สี คือ สีดำ Graphite Black, สีขาว Ceramic White และสีเทา Titan Gray

ดีไซน์ Halo สวมใส่สบายต่อเนื่อง

ดีไซน์ที่ถูกใช้งานในหูฟัง Xiaomi Buds 5 จะเรียกว่า Halo ที่เสริมความสบายหูเวลาสวมใส่ แม้ว่าจะใส่เป็นเวลานานๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนักหูจนเกินไปครับ แถมน้ำหนักแต่ละข้างก็เบาเพียง 4.2 กรัมเท่านั้น

หากสังเกตกันดีๆ ตัวหูฟัง Xiaomi Buds 5 จะใช้ดีไซน์แบบกึ่งอินเอียร์ ทำให้ใส่ได้กระชับใบหูที่หลากหลายแบบได้เลยครับ

ทั้งนี้ที่ด้านหลังก้านหูฟังยังมีขอบที่เคลือบเงา NCVM ที่เพิ่มมิติให้หูฟังรุ่นนี้ด้วย

พร้อมใช้หลายสถานการณ์ด้วยกันน้ำ-ฝุ่น IP54

เวลาที่เราใช้งานหูฟังรุ่นนี้อยู่ จะสามารถรองรับการใช้งานได้หลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนฝนตกหรือโดนเหงื่อตอนออกกำลังกายก็พร้อมใช้แน่นอนเพราะมีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP54

สั่งการผ่านก้านเพื่อควบคุมได้ง่ายๆ

สำหรับตรงบริเวณก้านเราสามารถบีบเพื่อสั่งการต่างๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปกดบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเลยครับ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

  • บีบ 1 ครั้ง : รับสาย/วางสาย หรือ เล่น/หยุดเพลง
  • บีบ 2 ครั้ง : ปฏิเสธสายเรียกเข้า หรือ ข้ามไปเพลงถัดไป
  • บีบ 3 ครั้ง : ย้อนไปเพลงก่อนหน้า
  • กดค้างไว้ 2 วินาที : เปิด/ปิดการตัดเสียงรบกวน
  • เลื่อนนิ้วขึ้น/ลงที่ข้างใดข้างหนึ่ง : ควบคุมระดับเสียง

ไดรเวอร์ไดนามิกขนาดใหญ่พร้อมคุณภาพเสียงระดับสูง

พามาดูกันเรื่องคุณภาพเสียงกันต่อเลยครับ โดย Xiaomi Buds 5 มาพร้อมชิปเสียงคุณภาพสูงจาก Qualcomm® aptX™ Lossless และระบบเสียง Hi-Res Audio ที่ให้คุณภาพเสียง Hi-Fi ความละเอียดสูง ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่าเสียงเพลงที่ออกมาให้เราฟังจะเป็นคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม

จากที่ลองฟัง เสียงที่ได้จากรุ่นนี้ไม่ได้มีเบสที่หนักแน่นเกินไปผ่านตัวไดรเวอร์อยู่ที่ขนาด 11 มม. ควบคู่กับซับวูฟเฟอร์ครับ แต่เสียงจะมีความนุ่งนวล ให้มิติเสียงที่ดีมาก และความกว้างของเสียงก็สูงอีกด้วย

ลำโพงคุณภาพระดับ Harman ปรับเสียงได้แบบจัดเต็ม

นอกจากตัวระบบเสียงที่จัดเต็มตามที่บอกไปแล้ว ก็ยังมาพร้อมลำโพงเสียงจาก Harman AudioEFX ร่วมกับซอฟต์แวร์ที่ให้เราได้ปรับแต่งเสียงที่เข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดีเลยครับ ทำให้เราได้รับประสบการณ์การฟังเพลงและการใช้งานต่างๆ ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ทั้งนี้ การใช้งานก็ให้เราได้ปรับแต่ง EQ ได้ถึง 5 แบบ ดังนี้

  • Harman AudioEFX
  • เพิ่มประสิทธิภาพเสียงพูด
  • เพิ่มประสิทธิภาพเสียงแหลม
  • ลดเบส
  • คลาสสิก

ตัดเสียงรบกวนยอดเยี่ยมด้วย AI และไมค์ถึง 3 ตัว

Xiaomi Buds 5 มาพร้อมกับระบบการตัดเสียงรบกวนที่ล้ำสมัยด้วยการใช้ AI ในการเข้าช่วยในเรื่องนี้ รวมถึงมีไมโครโฟนมาให้ถึง 3 ตัว เพื่อช่วยกันแบ่งหน้าที่ในการตรวจจับเสียงรบกวนและปรับให้เบาลงไป โดยการตัดเสียงรบกวนนั้นสามารถทนเสียงลมที่แรงถึง 12 เมตร/วินาทีได้เลยทีเดียว

เรียกว่าสายสนทนาฝั่งตรงข้ามจะได้ยินเสียงของเราอย่างชัดเจนมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังครับ

มาพร้อมฟีเจอร์การบันทึกเสียงในตัว

Xiaomi Buds 5 มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ในการบันทึกเสียงได้ผ่านตัวหูฟังได้เลยขณะบันทึกวิดีโอ ซึ่งบันทึกได้นานสูงสุดถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งการใช้งานดังกล่าวจะต้องมีแอป Xiaomi Earbuds ตัวเดียวกับที่สามารถโหลดได้ข้างต้นครับ หรือใครจะใช้เป็นการบันทึกเสียงแยกก็ทำได้โดยตรงผ่านแอป Xiaomi Earbuds เช่นกัน

เล่นเกมได้ด้วยความหน่วงต่ำเพียง 73ms

นอกจากการฟังเพลงและการสนทนาแล้ว รุ่นนี้ยังมีค่าความหน่วงที่ค่อนข้างต่ำเพียง 73ms เท่านั้น ซึ่งตรงนี้เข้ามาช่วยเรื่องการฟังเสียงที่เรียลไทม์มากขึ้น ใครที่เล่นเกม (โดยเฉพาะเกมแนว FPS) จะได้ประโยชน์ในตรงนี้เต็มๆ ครับ

รองรับการใช้งานนานสูงสุดถึง 39 ชม. !

สำหรับ Xiaomi Buds 5 ให้เราได้ใช้งานกับยาวนานมากๆ โดยทำได้สูงสุดถึง 39 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ หรือหากเป็นแบบการใช้งานแบบชาร์จครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้นานถึง 6.5 ชั่วโมงครับ

สรุปการใช้งาน Xiaomi Buds 5

สำหรับหูฟัง Xiaomi Buds 5 ที่เป็นแบบดีไซน์ของ Earbuds ทำให้เราได้ใช้งานนานขึ้นจริงๆ ด้วยความเบาเหมือนแทบไม่ได้ใส่ ทำให้สบายหู ไม่รู้สึกปวดหูเมื่อใช้งานไปนานๆ ครับ ขณะที่เสียงก็ดี เสียงคมชัด เบสหนักแน่นเพราะมีไดรเวอร์ที่ใหญ่ รวมถึงการได้ลำโพง Harman ส่วนการตัดเสียงรบกวนขณะฟังเพลงก็ทำได้ดีมาก เสียงบรรยากาศภายนอกถูกตัดออกไปเยอะเลยทีเดียว และการเล่นเกมก็มีความหน่วงที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้เสียงที่ออกมาจากตัวเกมตรงกับภาพเลย

ราคา Xiaomi Buds 5

Xiaomi Buds 5 พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคา 3,290 บาท พิเศษ ! สำหรับผู้ที่ซื้อตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 2567 จะได้ราคาพิเศษเหลือเพียง 2,990 บาท

Android News7 ชั่วโมง ago

แกะกล่องพรีวิว iQOO 13 5G สมาร์ตโฟนเรือธงดีไซน์เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน!

iQOO 13 5G เปิดตัวทา...

Apple News10 ชั่วโมง ago

รอนะ !! iPhone รุ่นจอพับอาจเปิดตัวปี 2026 ลุ้นทำให้ตลาดจอพับคึกคักอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าข่าวลือขอ...

Android News10 ชั่วโมง ago

หลุดสเปค Xiaomi 15 Ultra ได้จอ 6.73″ 120Hz, กล้องเซ็นเซอร์ 1″ แต่แบตยังไม่ถึง 6000mAh

]ก่อนหน้านี้ในฝั่งปร...

IT News10 ชั่วโมง ago

AIS 3BB FIBRE 3 ตอกย้ำความมุ่งมั่น 1 ปีแห่งการยกระดับอุตสาหกรรมเน็ตบ้าน พร้อมส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบที่รวมไว้ในเครื่องเดียว จาก SMART SOUNDBAR ด้วยลำโพงอัจฉริยะพร้อม Android TV คุณภาพเสียงระดับโลก Dolby ATMOS และความบันเทิงสุดพรีเมียม

AIS 3BB FIBRE 3 ในฐา...

Android News13 ชั่วโมง ago

จะมาแล้ว…OnePlus 13 เตรียมเปิดตัว Global เดือน ม.ค.ปีหน้า รอลุ้นเปิดตัวในไทยด้วยไหม!?

OnePlus 13 เปิดตัวใน...

Android News14 ชั่วโมง ago

10 อันดับสมาร์ทโฟน Android ที่แรงที่สุดประจำเดือน “พฤศจิกายน 2024” จาก AnTuTu ชิป Snapdragon 8 Elite vs Dimensity 9400 ดุเดือด!

AnTuTu Benchmark ประ...

Android News15 ชั่วโมง ago

จอมหลุดเผย…ชิป Snapdragon 8s Elite จะมีประสิทธิภาพระหว่าง Snap 8 Gen 2 และ 8 Gen 3 รุ่นแรกที่ใช้ชิปนี้อาจเปิดตัว เม.ย.ปีหน้า!?

เมื่อช่วงต้นปีเราเริ...

Android News16 ชั่วโมง ago

เปิดตัว HONOR 300 Ultra เรือกลางชิป Snapdragon 8 Gen 3 | กล้องซูมสูงสุด 100x | แบตฯใหญ่ 5300mAh

HONOR เปิดตัว HONOR ...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก