ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงจากคนอเมริกา ซึ่งมาจากสาเหตุจากข่าวเสียหายหลายๆ เรื่อง อาทิ Cambridge Analytica ซึ่งข่าวนี้ไม่เป็นผลดีต่อ Facebook เลย แน่นอนว่าหุ้นของ Facebook ตกลงอย่างต่อเนื่องเหมือนกับความนิยมของคนอเมริกาที่มีต่อการใช้งาน Facebook
ข้อมูลจาก CNBC ได้ระบุว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีคนเข้าใช้งาน Facebook อยู่ที่ 4.7 พันล้านครั้ง ในขณะที่ YouTube มียอดเข้าชมอยู่ที่ 4.5 พันล้านครั้ง ในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาแพลตฟอร์มในรูปแบบวิดีโอจะคงรักษาฐานคนดูได้อย่างเหนียวแน่นอีกทั้งยังมีอัตราการเข้าชมเพิ่มมากกว่า 4 พันล้านครั้ง
ผิดกับทาง Facebook ที่มียอดการเข้าชมลดน้อยลงมา 2 เท่าภายในระยะเวลา 2 ปี การประเมินนี้ได้นำเอาเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกามา 5 เว็บไซต์คือ Google, Facebook, YouTube, Yahoo และ Amazon ซึ่งทั้ง Yahoo กับ Amazon มีการเติบโตที่ใกล้เคียงกันมาก
แต่ Google ก็ยังคงเป็นผู้นำที่มีผู้ชมเข้ามากกว่า 4 เว็บไซต์ นั่นอาจจะมาจากการพัฒนาการค้นหาด้วยวิธีที่หลากหลายและการวิเคราะห์ใหม่ๆ ของ Google พฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเริ่มเปลี่ยนไป ผู้ใช้งานเริ่มการค้นหาด้วยเสียงและแอพพลิเคชั่นช่วยในการค้นหามากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้นเลยผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ Google อยู่ดี
ส่วนมากแล้ว Facebook จะมีการเติบโตจากตลาดต่างประเทศมากกว่าในประเทศ เพราะภาพลักษณ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาของ Facebook นั้นดูแย่มากในช่วงเวลานี้ แต่การใช้งานแอพพลิเคชั่นอย่าง Messenger, WhatsApp และ Instagram ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Facebook ยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการใช้งานต่อวันถึง 56 นาที เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดการใช้งานต่อวันเพียง 27 นาทีต่อวัน
YouTube ยังคงออกแพลตฟอร์มใหม่ๆ อาทิเช่น Chromecast และ Smart TV ในขณะที่ Yahoo มีแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีซักเท่าไรเมื่อเทียบกับ Google และ YouTube แต่สิ่งที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เว็บไซต์ทั้ง 5 เว็บไซต์ใหญ่นั้นจะมีรายได้จากการโฆษณาของ Amazon ถึง 90% ซึ่ง Amazon เป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถทำได้รายได้ถึง 75% จากการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Amazon เพิ่งจะชนะ Yahoo สืบเนื่องมากจากเดือนกรกฎาคมมีวันสำคัญในช่วงกลางเดือนเลยมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
SimilarWeb คาดการณ์ว่า Amazon จะยังคงสามารถสร้างรายได้มากกว่า Yahoo ในระยะยาวหากแนวโน้มพฤติกรรมผู้ใช้งานในปัจจุบันยังคงเหมือนเดิมเช่นทุกวันนี้
ที่มา gsmarena