Smart Review
รีวิว ZTE Blade S7 บอดี้ครอบกระจก, แรม 3GB และกล้องหน้า-หลัง 13 ล้านพิกเซล
ZTE Blade S7 สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5 นิ้ว Full HD กระจกจอโค้งมน 2.5D และกรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์บางเฉียบเพียง 7.2 มม. มาพร้อมระบบความปลอดภัยด้วยปุ่มโฮมสแกนลายนิ้วมือ และปลดล็อคหน้าจอด้วยระบบสแกนม่านตา ขับเคลื่อนด้วยซีพียู 64-bit Octa-core กับแรม 3GB เปิดตัวในราคาหมื่นต้น ๆ
สรุปสเปค ZTE Blade S7
- ราคาเปิดตัว 11,900 บาท (ธันวาคม 2558)
- ขนาดตัวเครื่อง 142 x 67 x 7.2 มม.
- น้ำหนัก 131 กรัม
- 2 ซิมการ์ด (Micro SIM + Nano SIM)
- หน้าจอแสดงผล 5 นิ้ว Full HD 1080p
- รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615
- ซีพียู Octa-core (Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 และ Quad-core 1.0 GHz Cortex-A53)
- จีพียู Adreno 405
- แรม 3 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 32GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 64GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านเครือข่าย 3G/4G LTE, WiFi, Bluetooth 4.0
- รองรับระบบ GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ 2,500 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
- ปุ่มโฮมมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ปลดล็อคหน้าจอด้วยระบบสแกนม่านตา
ดีไซน์ ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ZTE Blade S7 อัปเกรดมาใช้วัสดุอลูมิเนียมแล้วครอบด้วยกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มาพร้อมความบางเพียง 7.2 มม. (Blade S6 บาง 7.7 มม.) ซึ่งมีความบางมาก และหนักเพียง 131 กรัม ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปทำให้การหยิบมาใช้งานมือเดียวสำหรับมือผู้ชายก็ทำได้ง่ายขึ้น
Blade S7 มีหน้าจอเท่ากันกับ Blade S6 คือ 5 นิ้ว แต่เพิ่มความละเอียดระดับ Full HD (1080 x 1920 พิกเซล) ซึ่งมีความหนาแน่นของจุดพิกเซลมากถึง 441 พิกเซลต่อนิ้ว ให้ความคมชัดในระดับที่ดีมาก นอกจากนี้ขอบจอก็มีความบางลงกว่าเดิมอีกด้วย จึงทำให้ขนาดความกว้างของตัวเครื่องเล็กลงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ Blade S6
เหนือหน้าจอของ Blade S7 เริ่มจากทางด้านซ้ายจะเป็นไฟแฟลช, ลำโพงสำหรับเสียงสนทนา, เซ็นเซอร์วัดแสง และเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มสัมผัส 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ (ซ้าย) และปุ่มเมนูเมื่อแตะใช้งานครั้งเดียว แต่ถ้าแตะค้างจะเป็นปุ่ม Recent App (ขวา) ซึ่งทั้ง 2 ปุ่มนี้จะไม่มีไอคอนหรือสัญลักษณ์บอกว่ามีปุ่ม โดยจะมีไฟสว่างเมื่อเปิดหน้าจอใช้งาน ส่วนตรงกลางเป็นปุ่มโฮม ซึ่งมีตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ micro USB และไมโครโฟน
ด้านขวาตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power สำหรับปิด/เปิดเครื่องหรือกดเพื่อปิด/เปิดหน้าจอ และช่องถาดใส่ซิมการ์ดจำนวน 2 ช่อง
Blade S7 รองรับซิมการ์ดขนาด Micro SIM ในช่องซิม 1 และ Nano SIM ในช่องซิม 2 ซึ่งสามารถใส่ microSD Card แทนในช่องซิม 2 ก็ได้ เพื่อเพิ่มความจำให้กับตัวเครื่อง
ด้านซ้ายตัวเครื่องราบเรียบไม่มีปุ่มใด ๆ ซึ่งจะเห็นว่าตัวเครื่องมีความบางมาก
ด้านหลังตัวเครื่องครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 3 ที่มีขอบกระจกโค้งมนแบบ 2.5D ซึ่งฝาหลังไม่สามารถแกะเปิดได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 2,500 mAh
เลนส์กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED และระบบออโต้โฟกัสที่มีเลเซอร์ช่วยโฟกัส
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ZTE Blade S7 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย MiFavor 3.2 UI ภาพรวมของอินเตอร์เฟซไม่แตกต่างไปจาก Android รุ่นอื่น ๆ มากนัก ยังคงรูปแบบเดิมคือ Material Design
Blade S7 จะไม่มีในส่วนของ App Drawer ดังนั้นแอพพลิเคชั่นทุกตัวเมื่อดาวน์โหลดติดตั้งก็จะถูกจัดวางลงในหน้าโฮมทั้งหมด และรองรับบอลลูนแสดงไอคอนแจ้งเตือนที่ตัวไอคอนแอพพลิเคชั่นด้วย
ในส่วนของหน้าโฮมสามารถเพิ่มหน้าจอได้ หรือจะเพิ่มวิดเจ็ต, ลากไอคอนแอพพลิเคชั่นเพื่อจัดเรียงใหม่ก็ทำได้เช่นกัน
ลากแถบด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของการแจ้งเตือน และแผงควบคุมการทำงานต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วไอคอนต่าง ๆ ในส่วนนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วย
เมื่อแตะปุ่มเมนูค้างไว้ (ปุ่มขวามือ) จะเป็นในส่วนของ Recent App หรือ Task Manager สำหรับเลือกสลับการใช้งานไป-มาระหว่างแอพพลิเคชั่นแต่ละตัวที่เปิดใช้งานอยู่ หรือจะเปิดการใช้งานก็ได้เช่นกัน
คีย์บอร์ดที่มากับเครื่องใช้ของ TouchPal ถ้าไม่ชอบก็ดาวน์โหลดตัวใหม่ได้จาก Play Store
Blade S7 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด สามารถเลือกสลับ 3G/4G ไปยังช่องใส่ซิม 1 หรือ 2 ก็ได้ โดยอีกช่องจะสลับไป 2G อัตโนมัติ ในส่วนเครือข่ายที่รองรับนั้นใช้ได้ทุกเครื่อข่ายในไทย 3G : 850/900/1900/2100 MHz และ 4G : 800/900/1800/2100 MHz
ฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางและการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
- ฟลิปปิดเสียง : เป็นการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงสายเรียกเข้า แค่ปิดเสียงเฉย ๆ ไม่ใช่การวางสายหรือปฏิเสธสาย
- แตะสองทีเพื่อปลุก : เมื่อหน้าจอดับอยู่ให้แตะหรือเคาะที่หน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
- เกสเจอร์บนหน้าจอดำ : วาดตัวอักษรบนหน้าจอที่ดับ เพื่อเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ตามที่ได้ตั้งค่าไว้
- โทรอัตโนมัติ : ยกโทรศัพท์แนบหูเพื่อโทรออกไปยังเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอ
- ตอบกลับอัตโนมัติ : ยกโทรศัพท์แนบหูเพื่อรับสายได้ทันที
ชื่อเมนูภาษาไทยแม้จะดูงง ๆ แต่ฟีเจอร์นี้ถือว่ามีประโยชน์กับผู้ใช้งานมากเลยทีเดียว
ปุ่มนำทางด้านล่างหน้าจอสามารถเลือกสลับตำแหน่งกันได้ตามความถนัด
แบตเตอรี่ 2,500 mAh ของรุ่นนี้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จากการใช้งานทั่วไปในแต่ละวันพบกว่าแบตเตอรี่หมดค่อนข้างเร็ว ยิ่งถ้าหากเล่นเกมด้วยแล้วยิ่งหมดเร็วมาก อาจเพราะด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่และฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ก็น่าจะพก Power Bank กันอยู่แล้ว ^^
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ZTE Blade S7 มีระบบความปลอดภัยโดยการใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ปุ่มโฮม สามารถใช้ปลดล็อคหน้าจอ, ล็อคแอพพลิเคชั่น และกำหนดได้ว่าถ้าปลดล็อคด้วยนิ้วนี้จะเป็นการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นตัวใดตามที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ โดยสามารถจดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
นอกจากนี้แล้วตัวเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือสามารถทำได้แม้ว่าจอดับอยู่ (เลือกเปิดใช้งานได้ในเมนูตั้งค่า) แต่ก็พบว่าเมื่อใช้ไปสักพักระบบจะค่อนประมวลผลช้า
ระบบสแกนม่านตา
นอกจากเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือแล้ว Blade S7 ยังมีระบบความปลอดภัยโดยใช้ระบบสแกนม่านตาด้วยหรือในชื่อ Sky eye โดยใช้กล้องหน้าเป็นตัวถ่าย สามารถใช้ปลดล็อคหน้าจอได้ แต่ขณะใช้งานจำเป็นต้องถือโทรศัพท์และยื่นหน้าบริเวณดวงตาให้อยู่ในกรอบบนหน้าจอ ซึ่งจากการใช้งานจริงค่อนข้างประมวลผลช้า
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
ZTE Blade S7 รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ซึ่งเป็น 32-bit ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Octa-core ซึ่งเป็นซีพียู 64-bit กับแรม 3GB และจีพียู Adreno 405
ผลการทดสอบ AnTuTu V6.0 ซึ่งเป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม หน่วยประมวลผลหรือซีพียู และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ผลที่ได้จะออกมารูปแบบของคะแนน ยิ่งคะแนนสูงยิ่งดี โดย Blade S7 ทำคะแนนรวมได้ 29,480 คะแนน
ทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลและหน่วยความจำแรม การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Blade S7 ทำคะแนน Single-Core ได้ 574 และ Multi-Core ทำได้ 1,748 คะแนน
กล้องถ่ายรูป
ZTE Blade S7 มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบออโต้โฟกัสที่มีเลเซอร์ช่วยโฟกัส และแฟลช LED ถ่ายภาพได้ขนาดสูงสุด 4128 x 3096 พิกเซล (ประมาณ 12.78 ล้านพิกเซล) ในอัตราส่วน 4:3
หน้าตาแอพกล้องมีการจัดเรียงเมนูการใช้งานต่าง ๆ ตามแถบข้างหน้าจอทั้งซ้ายและขวา รองรับการแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัส นอกจากนี้ก็มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้งานด้วย ซึ่งพรีวิวภาพให้เห็นก่อนถ่ายจริง
โหมดใช้งานหลัก ๆ ที่มีให้เลือกใช้งาน ได้แก่ โหมดออโต้หรือปกติ, HDR, พาโนรามา, โหมดหน้าสวยหรือบิวตี้ และทำให้ตรง (สำหรับถ่ายภาพเอกสารต่าง ๆ)
แอพกล้องรองรับการแนบแผนที่ลงในภาพถ่าย, ตรวจจับใบหน้า และสั่งงานด้วยเสียงก็ได้ โดยใช้คำว่า Smile, Cheese, Capture เป็นต้น
กล้องหลังรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที
ในส่วนของกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ก็มาพร้อมโหมดหน้าสวยหรือบิวตี้ที่ปรับความเนียนได้ 5 ระดับ และชู 2 นิ้วเป็นตัว V เพื่อสั่งชัดเตอร์ได้ด้วย มีไฟแฟลช LED สำหรับช่วยถ่ายภาพในที่แสงน้อย นอกจากนี้ก็รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD
ตัวอย่างภาพถ่าย
จากการทดสอบใช้งานพบว่ากล้องหลังจับโฟกัสได้เร็วมากเมื่อถ่ายภาพในที่มีแสงเพียงพอ แต่หากเป็นการถ่ายในที่แสงน้อยหรือที่มืดเลเซอร์โฟกัสยังไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ โฟกัสยังช้าอยู่ ไม่แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ไม่มีเลเซอร์โฟกัส
สรุปจุดเด่น
- 2 ซิมการ์ด (Micro SIM + Nano SIM)
- หน้าจอแสดงผล 5 นิ้ว Full HD 1080p
- รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 ซีพียู Octa-core (Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 และ Quad-core 1.0 GHz Cortex-A53)
- แรม 3 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 32GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 64GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ Full HD
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านเครือข่าย 3G/4G LTE, WiFi, Bluetooth 4.0
- ปุ่มโฮมมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ปลดล็อคหน้าจอด้วยระบบสแกนม่านตา
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- แบตเตอรี่ 2,500 mAh ถือว่าน้อย หากเทียบกับฟีเจอร์ใช้งานที่หลากหลาย และถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับสแกนม่าน ประมวลผลค่อนข้างช้า
ขอบคุณ ZTE Mobile Devices Thailand